ตอนที่ 0056 นักพนัน



(ตอนที่ 55 เป็นความในใจของผู้แต่ง ไม่มีเนื้อหาของนิยาย)


เฉินจี้จับจ้องอูหยุนที่ค่อยๆ ถอยกลับเข้าไปในเงามืด  จนกระทั่งหายตัวไปในบ่อนพนัน


อูหยุนพุ่งทะยานเข้าสู่ม่านฝน  ไม่สนใจสายฝนที่กระหน่ำลงมาราวกับถังรั่ว  มันวิ่งตรวจตราไปทั่วทุกซอกทุกมุมของตรอกชุดแดง


แมวดำกระโดดเข้าไปในลานบ้านหลังหนึ่ง  ค่อยๆ ยกกระด้งไม้ไผ่ขึ้น  เผยให้เห็นแมวส้มอ้วนที่หลบอยู่ข้างใต้


อูหยุนเห็นว่าเป็นแมวส้มก็ผิดหวังเล็กน้อย  แต่ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม  “คืนนี้เจ้าเห็นมนุษย์ที่บาดเจ็บหนีบ้างหรือไม่  ถ้าเห็น  เขาหนีไปทางไหน?”


แมวส้มอ้วนเงยหน้าร้องเมี๊ยว:  หือ?


อูหยุนอดกลั้นอารมณ์  “ข้าถามว่า  เจ้าเห็นมนุษย์ที่บาดเจ็บ...”


แมวส้มอ้วนร้องเมี๊ยวอย่างงุนงงอีกครั้ง:  หือ?


อูหยุนวางกระด้งไม้ไผ่กลับคืนที่เดิม  “เสียเวลาถามจริงๆ!”


มันฝ่าสายฝนที่โหมกระหน่ำ  ปีนขึ้นไปบนหลังคาของ ‘จินฟาง’—อาคารสูงที่สุดในตรอกชุดแดง


มันยืนอยู่บนชายคา  กวาดสายตามองลงมายังตรอกชุดแดงทั้งสาย  พลางวิเคราะห์อย่างรวดเร็วว่า  แมวสามสีและแมวสลิดน่าจะซ่อนตัวอยู่ที่ใด


ทว่าอูหยุนกลับเหลือบเห็นว่า  ตามถนนใกล้เคียงนั้น  มีหน่วยสืบลับนับร้อยสวมเสื้อฟางกันฝน  แอบซุ่มซ่อนอยู่ในเงามืด  ไม่เพียงเท่านั้น  ยังมีหน่วยสืบลับอีกกลุ่มปลอมตัวเป็นชาวบ้าน  กำลังค้นหาไปตามบ้านเรือนทีละหลัง


แม้ว่าสายฝนที่กระหน่ำลงมา  จะทำให้ตามหาตัวสายลับแปรพักตร์คนนั้นได้ยากยิ่ง  แต่จินจูก็มิได้ยอมรามือตามที่เคยกล่าว!


อูหยุนรู้สึกกระวนกระวายใจ  รีบกระโดดลงจากชายคา  มันต้องหาคนผู้นั้นให้พบก่อนที่กรมสืบลับจะสาวถึงตัว


ขณะเดียวกัน  เฉินจี้มองผ่านประตูหลังบ่อน  จ้องออกไปยังความมืดมิดด้านนอก  ในใจรู้สึกหวั่นวิตก  ราวกับมีอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้


แม้ว่าเฉินจี้จะชำนาญการใช้เหตุผลเพียงใด  แต่ในสถานการณ์เช่นนี้  ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะค้นหาสายลับแปรพักตร์นั่นให้พบ


โชคดีที่อูหยุนนำความหวังมาให้...ทีนี้ก็ต้องดูว่า  อูหยุนจะหาสายลับแปรพักตร์ได้ทันก่อนกรมสืบลับหรือไม่


เฉินจี้จัดแต่งเสื้อฟางกันฝนบนตัว  กดขอบงอบให้แนบศีรษะ  แล้วหันกลับเข้าไปในห้องโถงบ่อนพนัน


เขามองหาหน่วยสืบลับคนหนึ่ง  แล้วชี้ไปยังเฉินเวิ่นเสี้ยวที่นั่งยองๆ อยู่ท่ามกลางฝูงชน  “ลากเขาเข้าไปในห้อง  แขวนไว้  ข้ามีเรื่องจะสอบสวน”


เฉินเวิ่นเสี้ยวนั่งยองๆ บนพื้นนานเกินไป  จนขาทั้งสองข้างชาไปหมด  ต้องขยับเปลี่ยนท่าไปมาไม่หยุด  ราวกับปวดปัสสาวะ


ขณะกำลังพูดอยู่นั้น  หน่วยสืบลับคนหนึ่งเดินมาข้างตัวเฉินเวิ่นเสี้ยว  จับมวยผมของเขาลากไป  “เจ้าน่ะ  ตามข้ามา”


ผมของเฉินเวิ่นเสี้ยวถูกดึงจนเจ็บแปลบ  ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตามไปยังห้องชั้นบน  ถูกมัดด้วยเชือกแล้วห้อยลงมาจากเพดาน


ผ่านไปนาน  หน่วยสืบลับถอยออกไป  เฉินจี้สวมงอบเดินเข้ามา  ถามเสียงเรียบ  “ชื่อ?”


“พ่อข้าคือเฉินหลี่ฉิน  รองเจ้าเมืองหลัว  พวกเจ้าจะทำกับข้าแบบนี้ไม่ได้!”  เฉินเวิ่นเสี้ยวตะโกนด้วยความโกรธ  พยายามจะมองดูใบหน้าของเฉินจี้ให้ชัด  แต่เขาถูกแขวนห้อยอยู่บนคาน  สายตาถูกงอบของเฉินจี้บังไว้หมด  มองไม่เห็นอะไรเลย


ผัวะ!  เฉินจี้ใช้ไม้ปัดขนไก่ฟาดลงบนตัวเฉินเวิ่นเสี้ยว  พลางกล่าวเสียงเย็นชา  “ถามอะไรก็ตอบอย่างนั้น  เข้าใจหรือไม่?”


“เข้าใจแล้วๆ”  เฉินเวิ่นเสี้ยวถูกเชือกรัดมือจนเจ็บปวด  สูญเสียความสง่างามที่เคยมีในครั้งควบม้าท่องเมืองหลัวไปสิ้น


“ชื่อ?”


“เฉินเวิ่นเสี้ยว”


เฉินจี้ถาม  “เหตุใดจึงสมคบกับราชวงศ์จิ่ง?”


“อะไรนะ?”  เฉินเวิ่นเสี้ยวตะลึงงัน  ไม่รู้ว่าตัวเองไปพัวพันกับความผิดมหันต์นี้ได้อย่างไร


เฉินเวิ่นเสี้ยวร้อนรนตอบ  “ข้าถูกใส่ร้าย  ข้าไม่ได้สมคบกับราชวงศ์จิ่ง  ข้าแค่มาเล่นการพนันเท่านั้น!”


“ใส่ร้าย?”  เฉินจี้หัวเราะเสียงเย็นพลางถาม  “แล้วเหตุใดในบัญชีบ่อนพนันทั่วตรอกชุดแดง  จึงไม่มีใบกู้ยืมหรือบันทึกรายรับรายจ่ายของเจ้าเลย  เจ้าไม่ใช่นักพนันที่นี่  แต่เป็นสายลับราชวงศ์จิ่งที่มารับตัวพรรคพวกต่างหาก!”


เฉินเวิ่นเสี้ยวเริ่มร้อนรน  “ข้าเพิ่งกลับจากสำนักตงหลินได้ไม่กี่วัน  จะมีบันทึกรายรับรายจ่ายกับใบกู้ยืมได้อย่างไร?”


เฉินจี้กล่าวเสียงเย็น  “ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีหนทางพิสูจน์ตัวเองแล้วสินะ?  ถ้างั้นก็ตามข้าไปคุกในเถิด”


เฉินเวิ่นเสี้ยวได้ยินคำว่าคุกใน  ก็ตกใจจนแทบจะปัสสาวะราด  ในช่วงหลายปีมานี้  มีสักกี่คนที่รอดชีวิตออกจากคุกในได้?  อย่าว่าแต่เขาที่เป็นบุตรขุนนางชั้น 5 เลย  ในคุกมีขุนนางชั้น 5 ตายอยู่ไม่รู้ตั้งกี่ศพ 


เขาคิดอยู่นาน  “เดี๋ยว!  ก่อนที่ข้าจะไปสำนักตงหลิน  ข้าใช้ชื่อน้องชาย  นามว่าเฉินจี้  เพื่อกู้ยืมเงินจากบ่อนพนัน  ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีชื่อข้า  ท่านลองค้นดูบัญชีของแต่ละบ่อน  รับรองต้องเจอชื่อเฉินจี้แน่!”


เฉินเวิ่นเสี้ยวเสริม  “ในช่วงสามปีนี้  ข้ากลับมาเยี่ยมญาติช่วงวันตรุษทุกปี  ปีละหนึ่งเดือน  ในบัญชีช่วงเวลานั้น  จะต้องมีชื่อเฉินจี้อยู่แน่นอน”


เฉินจี้นิ่งเงียบไม่กล่าววาจา


เขามีบัญชีของบ่อนพนันต่างๆ อยู่ในมือหรือ?  แน่นอนว่าไม่มี  เขาเพียงแต่อาศัยการคาดคะเนของตน  หลอกเค้นข้อมูลจากเฉินเวิ่นเสี้ยว


ครั้งหนึ่ง  เขาเคยคิดว่าตัวเองในอดีตเป็นผีพนันตัวยง  ตระกูลเฉินรังเกียจเขาก็เพราะมีความประพฤติเลวร้ายจริงๆ


แต่บัดนี้  เฉินจี้กลับเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างกระจ่างแล้ว


เขาก้มหน้าถามเสียงแผ่ว  “ถ้าใช้ชื่อเฉินจี้  แล้วบ่อนพนันควรไปทวงหนี้กับใคร?”


เฉินเวิ่นเสี้ยวตอบ  “แน่นอนว่าต้องไปหาพ่อข้า  ท่านพ่อไม่ต้องการให้เรื่องอื้อฉาวในครอบครัวแพร่งพรายออกไป  จึงจำใจต้องรับใบหนี้สินเหล่านั้น”


เฉินจี้สงสัย  “พ่อท่านรู้หรือไม่ว่า  นี่เป็นหนี้ของเจ้า?”


“แน่นอนว่าไม่ทราบ  เขายังคิดว่าเป็นของเฉินจี้”


เฉินจี้ยิ่งสงสัย  “แล้วเฉินจี้เองไม่โต้แย้งหรือ?”


“เขาเคยโต้แย้ง  แต่การโต้แย้งของเขาจะมีประโยชน์อันใด  ชื่อเสียงของเขาถูกทำลายมานานแล้ว  บิดาข้าไม่เชื่อคำพูดของเขาเลย...ท่านใต้เท้า  ช่วยปล่อยข้าลงไปเถิด  ข้าไม่ใช่สายลับราชวงศ์จิ่งจริงๆ  ถูกแขวนอยู่บนนี้ทรมานเหลือเกิน”


เฉินจี้ถอนหายใจแผ่วเบา  “ข้ายังไม่เชื่อที่เจ้าพูดหรอกนะ…แต่เห็นแก่หน้าใต้เท้าเฉิน  ข้าจะยอมปล่อยไปก่อน  แต่เจ้าต้องเขียนทุกอย่างที่พูดมาเมื่อครู่  ลงนามประทับตรา  หากมีส่วนใดไม่จริง  กรมสืบลับของข้าจะไปหาถึงจวนเฉินแน่นอน”


เฉินเวิ่นเสี้ยวดีใจจนน้ำตาไหล  “ท่านใต้เท้าวางใจได้  ทุกอย่างที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง  ข้าจะเขียนให้ชัดแจ้งแน่นอน!”


เฉินจี้เดินออกจากห้อง  กำชับหน่วยสืบลับสองสามประโยค


ได้เห็นหน่วยสืบลับสองคนเดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู  ไม่นานนัก  หน่วยสืบลับคนหนึ่งก็ถือกระดาษสาที่เขียนเต็มแผ่น  เดินออกมายื่นให้เฉินจี้  “เขาเขียนเสร็จแล้วขอรับ”


“ขอบใจ”  เฉินจี้พยักหน้ารับ  หันกายเดินขึ้นไปชั้น 2  บรรจงยัดคำให้การนั้นใส่หน้าอก  ซุกซ่อนไว้ใต้เสื้อฟางกันฝนอย่างมิดชิด


“ท...ท่านใต้เท้า”  หน่วยสืบลับไม่ทราบยศของเฉินจี้  ไม่รู้ว่าควรเรียกขานอย่างไร  แต่เห็นเฉินจี้ติดตามจินจูมา  ย่อมเป็นคนสนิทของจินจู  “คนในห้อง…ให้ทำอย่างไรดีขอรับ?”


เฉินจี้ย่างเท้าขึ้นบันไดไม้ทีละขั้น  เสียงเบาหวิวแว่วลอยมา  “แขวนต่อไป”


......


......


ขณะเฉินจี้กำลังขึ้นบันได  ก็เห็นหน่วยสืบลับคนหนึ่งวิ่งพรวดพราดเข้ามาจากประตู  สลัดเสื้อฟางกันฝนที่เปียกชุ่มลงบนพื้น  มือกุมด้ามมีดตรงเอว  ถลันกายขึ้นชั้น 2 ของตึก


เมื่อมาถึงหน้าห้องชั้น 2  หน่วยสืบลับคารวะต่อจินจูที่นั่งจิบชาอยู่ด้านใน  “ใต้เท้า  ไม่ผิดหวังที่ท่านมอบหมาย  ข้าหาพยานรู้เห็นได้คนหนึ่งแล้ว  พยานเป็นพ่อค้าเร่ที่เดินขายของตามตรอกซอกซอย  เขาเห็นคนผู้หนึ่งกุมบาดแผลตรงเอว  วิ่งหนีไปทางตะวันตกเมื่อค่ำนี้ขอรับ!”


อารมณ์ของเฉินจี้ค่อยๆ ดิ่งลง  เขานึกไม่ถึงว่าจินจูที่ภายนอกบอกว่าจะไม่ตามหา  กลับจัดสรรกำลังคนจำนวนมากไปสืบเสาะเบาะแส


แถมยังหาเจอจริงๆ ด้วย!


ตอนนี้สายลับแปรพักตร์อยู่ที่ใด  จะมีคนอื่นเห็นอีกหรือไม่  หากถูกจับได้จะสารภาพอะไรออกมา  เฉินจี้ไม่รู้เลยสักอย่าง


เฉินจี้พยายามสงบสติอารมณ์  หันไปมองจินจู  “ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าขอรับ  ความชอบอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว”


จินจูยิ้มหน้าบานลุกขึ้นยืน  “ส่งคนไปค้นหาต่อทางตะวันตก  ยามหนีเอาชีวิตรอดย่อมมีคนอื่นเห็นอีกแน่  ลากพยานทุกคนออกมาให้ปากคำ!  กรมข่าวกรองราชวงศ์จิ่งส่งคนมาตามจับมากมายเพียงนี้  สายลับผู้นี้ต้องมีความลับสำคัญติดตัวแน่!  คืนนี้ต้องหาให้เจอ!”


หน่วยสืบลับรับคำสั่ง  รีบลงบันไดเดินออกไปนอกประตู


ทว่าเมื่อเขาก้าวพ้นประตูบ่อนพนัน  ก็ได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!  


ร่างของใครบางคนกระเด็นย้อนกลับเข้ามาในบ่อน  กระแทกโต๊ะพนันจนแหลกละเอียด!


ชิ้ง!  หน่วยสืบลับชักดาบพร้อมกัน  บางคนเล็งหน้าไม้สายธนูตรงเอว  แล้วยิงออกไปยังความมืดมิดนอกประตูบ่อน


ทว่าผู้มาเยือนที่สวมเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงิน  เพียงแค่ปลดเสื้อคลุมจากคอ  สะบัดปัดป่ายอยู่ตรงหน้า  ก็กวาดลูกธนูทุกดอกเข้าไปในเสื้อคลุม  ตัวเองไม่เป็นอันตรายแม้แต่น้อย!


สายฝนที่โปรยปรายลงมารอบตัวเขา  เสมือนถูกแม่เหล็กผลักออก  ไม่มีแม้แต่หยดเดียวสัมผัสกับร่างกาย


เฉินจี้ได้ยินจินจูข้างกายหัวเราะเสียงเย็น  “นี่ไม่ใช่สายลับราชวงศ์จิ่ง  ดูจากลีลาน่าจะเป็นสิงกวนคนหนึ่ง  ปีก่อนได้ยินว่าปลีกตัวไปอยู่ตามป่าเขา  ไม่คิดว่าวันนี้จะกลับลงยุทธภพอีกครั้ง...ลงมือเลย  ข้าต้องการจับเป็น!”


ชั่วพริบตาถัดมา  หน่วยสืบลับคนหนึ่ง  หยิบนกหวีดทองเหลืองออกมาเป่า


เสียงโห่ร้องฆ่าฟันดังมาจากนอกตรอกชุดแดง  หน่วยสืบลับนับร้อยพุ่งโจมตีออกจากเงามืด  ล้อมสิงกวนผู้นั้นไว้แน่นหนา


จินจูเดินลงบันไดอย่างสงบนิ่ง  บรรจงย่างเท้าออกนอกวงล้อม  มือถือเหรียญทองแดงสองสามเหรียญ  ดูเหมือนพร้อมจะพุ่งออกไปเอาชีวิตคนได้ทุกเมื่อ


เฉินจี้เฝ้าจับตาดูเงียบๆ โดยไม่สนใจเลยว่า  ศึกนี้กรมข่าวกรองจะชนะ  หรือกรมสืบลับจะชนะ...


“เมี๊ยว!”


เสียงแมวร้องแว่วมากะทันหัน  เฉินจี้หันไปมองนอกหน้าต่างทันที  เห็นอูหยุนยืนอยู่บนขอบหน้าต่าง  “ข้าหาเจอแล้ว  แมวลายสลิดบอกว่า  เห็นเขาหนีไปทางถนนอันซี  อยู่ในลานหลังบ้านของร้านผ้าที่เพิ่งย้ายออกไป”


เฉินจี้ขมวดคิ้ว  เหตุใดจึงกลายเป็นว่า  อีกฝ่ายหนีไปทางถนนอันซี?!


บริเวณถนนอันซีมิใช่เส้นทางสัญจรสำคัญ  ไม่สะดวกในการหลบซ่อนเหมือนตลาดบูรพาหรือตลาดตะวันตกที่มีคนพลุกพล่าน  กลับอยู่ใกล้จวนอ๋อง  แม้กระทั่งทหารลาดตระเวนยามค่ำคืนก็ยังมีมากกว่าจุดอื่น


สายลับผู้นี้จะมาหาตน  หรือว่าแค่บังเอิญหนีไปทางถนนอันซีเฉยๆ?


ไม่มีทางบังเอิญขนาดนั้นแน่!


ยิ่งเป็นคนที่เชี่ยวชาญการหาเหตุผล  ก็ยิ่งไม่เชื่อในความบังเอิญ!


เฉินจี้ทราบดีว่า  ตนไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อไป  ต้องรีบปลีกตัวไปจัดการกับสายลับผู้นั้น!


แต่จะปลีกตัวอย่างไร?


ขณะกำลังครุ่นคิด  เสียงกระเบื้องแตกดังแว่วมาจากเบื้องบน  เฉินจี้เงยหน้าขึ้นมอง  พบว่าบนขื่อคานหลังคา  ดูเหมือนมีคนย่างเท้าหนักๆ มายังชายคา


ไม่เพียงเท่านั้น  เสียงฝีเท้ายังดังมาจากทิศอื่นๆ ด้วย  พุ่งตรงมายังหน้าต่างชั้น 2 แต่ละบานของบ่อน


สิงกวนที่อยู่นอกประตูเป็นเพียงกลล่อให้เสือออกจากถ้ำ  สายลับที่บุกเข้ามาจากทุกทิศทางต่างหาก  ที่หวังผลในการฆ่าปิดปาก


พรึบ!  ชายชุดดำคลุมหน้าคนหนึ่ง  กลับตัวพลิกลงมาจากหลังคาทางหน้าต่าง  ประดุจเหยี่ยวโฉบเหยื่อ  ไม่พูดพร่ำทำเพลง  ชักดาบฟันลงมาหาเฉินจี้!


ในห้องคับแคบ  เฉินจี้คว้าเก้าอี้ข้างกายขว้างใส่สายลับ  ตัวเองรีบถอยออกจากห้องส่วนตัว  มาถึงโถงทางเดินชั้น 2 แล้วตะโกนเสียงดัง  “ท่านจินจู  มีคนแทรกซึมจากด้านบน!”


เสียงตะโกนนี้ดึงดูดสายตาทุกคู่  จินจูถึงกับเลิกคิ้ว  หันกลับมามองหลังทันที


ขณะที่รีบย้อนกลับมา  จินจูก็เห็นสายลับคนหนึ่ง  ถือดาบไล่ฆ่าคนมาจนถึงทางเดิน


สายลับใช้ดาบได้ดุดัน  ฟันแหวกจนเศษไม้กระเด็นว่อน  เฉินจี้เด็กฝึกโรงยาที่อ่อนแอ  ได้แต่เอาชีวิตรอดหลบซ้ายขวาอย่างสุดกำลัง  ไร้ทางสู้ตอบ!


ฉึก!  ปลายดาบเฉือนผ่านอกเฉินจี้  ผ่าเสื้อฟางกันฝนขาดเป็นแนวยาว  เลือดซึมออกมาจากเสื้อผ้า


ขณะที่ทุกคนคิดว่าเฉินจี้ต้องตายแน่  กลับเห็นเฉินจี้ไม่รู้ระเบิดความกล้าออกมาจากไหน  คำรามลั่นไม่ถอย  กลับเดินหน้าพุ่งเข้าชนอกสายลับราชวงศ์จิ่ง!


ด้วยท่าทางเอาเป็นเอาตาย  เฉินจี้ใช้แขนคล้องมือข้างที่ถือดาบของสายลับไว้ใต้รักแร้  แล้วดันตัวสายลับชนกลับเข้าห้อง  พาทะลุหน้าต่างชั้น 2 ตกลงไป!


จินจูชะงักไปครู่หนึ่ง  เขาออกแรงขาเพียงเล็กน้อย  ร่างอ้วนท้วนก็ลอยขึ้นชั้น 2 อย่างเบาหวิวดุจขนนก


เขารีบมาถึงขอบหน้าต่าง  เห็นสายลับราชวงศ์จิ่งที่ร่วงตกลงไปนั้น  เดินโซซัดโซเซ  ไล่ตามเฉินจี้ที่บาดเจ็บสาหัส  หายเข้าไปในม่านฝนยามราตรีนอกตรอกชุดแดง


จินจูยืนอยู่ริมกรอบหน้าต่าง  ปล่อยให้สายฝนยามค่ำคืนสาดใส่ร่าง  “น่าแปลก…สายลับราชวงศ์จิ่งมาเพื่อฆ่าปิดปาก  เหตุใดจึงละทิ้งเป้าหมายอย่างไม่ไยดี  กลับไล่ฆ่าเฉินจี้ราวกับเอาชีวิตเข้าแลก?”


(จบตอน)

______________
ลงทุกวันจันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ อาทิตย์
ปัจจุบันแปลถึงตอน: 0085
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#พระเอกฉลาด #นิยายแฟนตาซี #qingshan

Previous Coming Soon

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 0001 กลับสู่ศูนย์

ตอนที่ 0007 บุพการี

ตอนที่ 0010 ตำหนักหวั่นซิง