ตอนที่ 0002 ญาติ
เมืองหลัว สวนกลาง
เฉินซั่วกับหวังฮุ่ยหลิงยืนอยู่หน้าประตูคฤหาสน์หลังหนึ่ง ด้านนอกกำแพงสีเบจ แขวนป้ายไม้ธรรมชาติ ‘สวนกลางหลังที่ 33 ขอให้สุขสันต์ปลอดภัย’
หวังฮุ่ยหลิงพูดอย่างประชดประชัน “ตอนที่ครอบครัวพี่ชายคุณเพิ่งย้ายบ้าน พี่สะใภ้ชวนเรามากินบาร์บีคิวที่บ้านอยู่เรื่อย ราวกับว่ามีแต่บ้านเธอที่มีคฤหาสน์มีสวน ยังอวดไม่พออีกหรือไง!”
“ตอนนี้เธอก็มีคฤหาสน์แล้วไม่ใช่หรือ?” เฉินซั่วพูดอย่างภาคภูมิใจ “ถ้าผัวเธอไม่ฉลาด เธอจะได้อยู่คฤหาสน์หรือ?”
หวังฮุ่ยหลิงกอดแขนเฉินซั่วอย่างชื่นมื่น “เก่งไม่เบาเลยนะคุณ!”
เฉินซั่วสแกนนิ้วเปิดประตู พอประตูเปิดก็เห็นห้องรับแขกเพดานสูงโปร่งอลังการ เห็นโคมระย้าคริสตัล ในห้องรับแขกมีโซฟาหนังแท้นำเข้าจากอิตาลี
แต่บนโต๊ะกลางที่สะดุดตาที่สุดในห้องรับแขก กลับมีรูปขาวดำของบิดามารดาเฉินจี้ตั้งอยู่ หน้ารูปยังมีผลไม้สดวางไว้
หวังฮุ่ยหลิงพูดด้วยความรังเกียจ “เอารูปคนตายมาตั้งในห้องรับแขกทำไม? เฉินจี้รู้จักมารยาทบ้างไหม ไม่กลัวขนลุกหรือ? ถึงเขาจะไม่รังเกียจ แขกเหรื่อมาบ้านเห็นเข้าก็อึดอัดแย่!”
โครม! เฉินซั่วโยนรูปทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ไยดี
เมื่อครั้งอดีต เขาอยากร่วมทุนทำธุรกิจใหญ่ ขอยืมเงินพี่ชายสี่ล้าน แต่พี่ชายดันบอกว่า เขาไม่เหมาะทำธุรกิจใหญ่ ให้แค่สองแสนไปเปิดร้านสะดวกซื้อเล็กๆ
หวังฮุ่ยหลิงนั่งบนโซฟาหนังแท้ ลูบคลำโน่นนี่ เธอมองไปยังทีวีจอแบนร้อยนิ้วตรงข้าม พูดอย่างปลื้มปีติ “ดูละครบนนี้คงสบายแน่ๆ พวกเขาเคยใช้ชีวิตเป็นเซียนจริงๆ”
“ดูทีวีอะไรกัน รีบขึ้นไปหาโฉนดบ้าน ผมจำได้ว่าพวกเขาซื้อทองคำไว้ด้วย รื้อออกมาให้หมด”
ผนังโถงทางเดินชั้น 2 ติดใบประกาศเกียรติคุณ ‘นักเรียนสามดี’ ‘รางวัลชนะเลิศการแข่งขันหมากล้อมเมืองหลัว’ ล้วนเป็นของเฉินจี้
หวังฮุ่ยหลิงเห็นแล้วก็ยักคิ้ว “ทุกครั้งที่มาบ้าน ต้องถูกพี่สะใภ้คุณลากขึ้นมาดูชั้น 2 เสมอ ยังอวดไม่พออีกหรือไง? รีบทิ้งเถอะ เห็นแล้วรำคาญลูกตา”
หวังฮุ่ยหลิงลงมือดึงใบประกาศทุกใบลงมาโยนกองกับพื้น รอแม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่ได้
เปิดประตูห้องนอนแต่ละห้อง ในห้องนอนเฉินจี้เต็มไปด้วยหนังสือ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือความรู้ด้านการทหาร ยังมีนิยายนักสืบ สืบสวนสอบสวน สายลับ และหนังสือความรู้เฉพาะทางอีกหลายเล่ม
บนโต๊ะยังวางใบแจ้งผลการรับเข้าศึกษาของวิทยาลัยภาษาต่างประเทศกองทัพบก
เฉินซั่วกับหวังฮุ่ยหลิงค้นหาทั่วห้อง พร้อมเก็บของของครอบครัวเฉินจี้ออกมาทิ้ง ราวกับว่าต้องกำจัดร่องรอยเหล่านี้ให้หมด บ้านจึงจะเป็นของพวกเขาอย่างสมบูรณ์
ในห้องรับแขก เฉินซั่วเกาหนังศีรษะที่ผมบางลงทุกวัน “เอ้…โฉนดอยู่ไหนนะ ใบอนุญาตอสังหาริมทรัพย์ของเฉินจี้ถูกเก็บไว้ที่ไหน?”
“หรือเขาจะระแคะระคาย แอบเอาโฉนดไปซ่อนไว้ข้างนอกหรือเปล่า?”
“ไม่น่าใช่หรอก เหล่าหลิวยังบอกว่า เขายังคิดว่าเราทำเพื่อเขาเลย”
หวังฮุ่ยหลิงรีบพูด “เราก็ทำเพื่อเขาจริงๆ นี่นา หลังจากพ่อแม่เขาตาย เด็กนั่นก็ไม่ออกจากบ้านเลย เอาแต่หมกตัวทั้งวัน ทำแบบนี้ต่อไปต้องมีปัญหาแน่ ขาดการติดต่อกับสังคมเกินไปแล้ว!”
ปิ๊งป่อง!
เสียงกริ่งประตูดังขึ้น
เฉินซั่วชะงักไปชั่วครู่ “ดึกขนาดนี้แล้ว ใครกัน?”
เขาเดินไปเปิดประตู ด้านนอกประตูเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดถังจวงสีดำ ผิวคล้ำ ผมเกรียนสั้นดูดุดัน “เฉินจี้อยู่ไหน?”
เฉินซั่วสงสัย “เฉินจี้ไม่อยู่บ้าน มีอะไรบอกผมได้ ผมเป็นลุงรองของเขา”
“ลุงรอง?” ชายวัยกลางคนผลักเฉินซั่วเดินเข้ามา ตอนนั้นเฉินซั่วถึงเห็นว่า ข้างหลังเขายังมีคนตามมาอีก
คนที่ตามมานั้น หัวล้านเป็นมัน แต่มีรอยแผลเป็นยาวสิบกว่าเซนติเมตร ดุจตะขาบเลื้อยจากกลางกะโหลกไปถึงท้ายทอย
“พวกแกเป็นใครกันแน่?” หวังฮุ่ยหลิงถอยหลังด้วยความตกใจ “เราจะแจ้งตำรวจ!”
ชายวัยกลางคนกวาดตามองรอบๆ อย่างไม่สนใจใคร “เพื่อนๆ ชอบเรียกฉันว่าเป๋าเกอ ปกติทำธุรกิจปล่อยกู้ คนข้างหลังนี่เป็นน้องชายฉัน เอ้อร์ต้าว อย่ากลัวไปเลย รอยแผลเป็นเอ้อร์ต้าวดูน่าขนลุก แต่ความจริงแล้วเป็นเพราะทำงานในไซต์ก่อสร้าง เผลอเหยียบพลาดตกลงมา ตอนนี้สมองไม่ค่อยดี หัวรั้นไปบ้าง”
เป๋าเกอพูดต่อ “พวกเรามาที่นี่ เพราะเฉินจี้เอาบ้านหลังนี้มาจำนอง เขาโทรมาบ่ายนี้บอกว่าคืนเงินไม่ได้แล้ว ให้ฉันมายึดบ้านได้เลย”
“อะไรนะ?!” หวังฮุ่ยหลิงตกใจจนหน้าซีด “เขามีสิทธิ์อะไรจำนองบ้านหลังนี้? บ้านหลังนี้เป็นของเรา!”
“อ้อ?” เป๋าเกอพูดอย่างใจเย็น “โฉนดเขียนชื่อเฉินจี้ เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ?”
“เขาจำนองไปเท่าไร?” เฉินซั่วถามอย่างกังวล
“หนึ่งพันห้าร้อยล้าน” เป๋าเกอนั่งลงบนโซฟาอย่างสบายอารมณ์ “พวกเราทำงานมีกติกามาก ถ้าลูกค้าคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยได้ ก็อยู่กันอย่างสงบสุข แต่ตอนนี้ฉันถูกใจบ้านหลังนี้แล้ว เงินไม่ต้องคืน บ้านเป็นของฉัน”
“ไม่ได้!” หวังฮุ่ยหลิงร้องเสียงแหลม “เฉินจี้ตอนนี้เป็นคนป่วยทางจิต สัญญาจำนองที่เขาเซ็น ย่อมไม่มีผลทางกฎหมาย!”
คำพูดนี้เตือนสติเฉินซั่วได้ เขารีบพูด “ใช่ เฉินจี้เป็นคนป่วยทางจิต เรามีใบวินิจฉัยอาการเขา!”
เป๋าเกอขมวดคิ้ว
เขามองวันที่ในใบวินิจฉัยในมือเฉินซั่ว หัวเราะอย่างโมโห เฉินจี้นัดให้เขามายึดบ้านคืนนี้ แต่ดันไปหาใบวินิจฉัยมาชั่วคราว ชัดเจนว่าจะหลอกเขา ไม่มีเงินใช้หนี้ก็พอเข้าใจได้ แต่ทำเหมือนเขาเป็นคนโง่ ปั่นหัวเล่น ก็นับว่าไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำเกินไป “ที่แท้ก็รอฉันอยู่นี่เอง พวกแกตกลงกันว่า จะเล่นเซียนกระโดดกับฉันสินะ? คุกเข่าลง”
“อะไรนะ?” เฉินซั่วแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองที่ได้ยินสองคำสุดท้าย
เอ้อร์ต้าว “เป๋าเกอ คุกเข่าตรงไหน?”
“ต่อหน้าฉัน”
ยังไม่ทันที่เฉินซั่วกับหวังฮุ่ยหลิงจะตั้งตัวได้ เอ้อร์ต้าวก็ลากทั้งสองมาหน้าเป๋าเกอ เตะคนละทีที่หลังเข่า ทั้งสองคนคุกเข่าต่อหน้าเป๋าเกอฉันพลัน
เป๋าเกอโน้มตัวจ้องเฉินซั่ว “ฉันลุยงานในสังคมมาหลายปี มีอะไรไม่เคยเห็นบ้าง? พวกแกคิดจะมาเล่นเซียนกระโดดกับฉันหรือ? หักนิ้วสักนิ้วแล้วค่อยคุยกันดีๆ”
เอ้อร์ต้าว “หักนิ้วไหน?”
“นิ้วชี้”
เอ้อร์ต้าว “หักข้อที่เท่าไร?”
เป๋าเกอเกาคิ้วอย่างอ่อนใจ “ข้อที่สองแล้วกัน”
บทสนทนาของทั้งสองคนแปลกประหลาดยิ่ง เอ้อร์ต้าวนี้ทำงานเป๊ะๆ เป๋าเกอสั่งให้ทำอะไร เขาก็ทำอย่างนั้น
มือของเอ้อร์ต้าวดุจคีม เหล็กบีบนิ้วชี้เฉินซั่ว เสียงกรอบดังลั่น หักข้อที่สองอย่างแม่นยำ
“อ๊า!” เฉินซั่วร้องด้วยความเจ็บปวด
“ฉันจะแจ้งตำรวจ!” หวังฮุ่ยหลิงตะโกน
เป๋าเกอ “เอ้อร์ต้าว ตบเธอ”
“ตบแรงแค่ไหน?”
เป๋าเกอหัวเราะเย็น “ตบจนเธอเห็นทวดตัวเอง”
เอ้อร์ต้าวครุ่นคิดสองวินาที แล้วเหวี่ยงฝ่ามือเต็มแรงตบไป ตบจนหวังฮุ่ยหลิงตามืดมัว
ตบเสร็จแล้ว เอ้อร์ต้าวสังเกตสีหน้าหวังฮุ่ยหลิง แล้วหันไปพูดกับเป๋าเกออย่างจริงจัง “น่าจะเห็นแล้ว”
เป๋าเกอหยิบใบวินิจฉัยจากมือเฉินซั่ว “ฉันนี่ทำอะไรก็มีเหตุผล เฉินจี้บอกว่าไม่มีเงินคืน งั้นบ้านก็เป็นของฉัน ตามหลักแล้วเรื่องควรจบแค่นี้ แต่ว่า ฉันเกลียดการถูกคนหลอกที่สุด พวกแกวางแผนหลอกฉัน ก็ต้องรับผลของการกระทำ”
“ไม่ใช่!” เฉินซั่วเริ่มตั้งสติได้ “ไม่ใช่ไม่ใช่ไม่ใช่! เรื่องนี้ไม่ใช่เราวางแผนหลอกคุณ เป็นเฉินจี้วางแผนหลอกคุณต่างหาก เราก็โดนหลอกเหมือนกัน!”
“อ้อ?”
เฉินซั่วเจ็บนิ้วจนเหงื่อเย็นผุดเต็มหน้าผาก “เฉินจี้บอกว่าตัวเองคืนเงินไม่ได้ จึงนัดคุณมายึดบ้าน แต่เท่าที่ผมรู้ พ่อแม่ทิ้งเงินให้เขาอย่างน้อยสามพันล้าน! ดังนั้น เขาไม่น่าขาดเงิน ไม่จำเป็นต้องจำนองบ้านหลังนี้ ยิ่งไม่น่าคืนเงินคุณไม่ได้!”
คำพูดดังกล่าวทำให้เป๋าเกอแปลกใจ เฉินจี้ไม่ขาดเงินงั้นหรือ?
ขณะที่เฉินซั่ววิเคราะห์ไปพลาง สมองของเขาก็ค่อยๆ แจ่มชัด พฤติกรรมที่เฉินจี้แสดงที่โรงพยาบาลชิงซานตอนบ่าย ล้วนเป็นการแสร้งทำ เพื่อให้พวกเขาผัวเมียนำใบวินิจฉัยกลับบ้านมายั่วโมโหเป๋าเกอ ส่วนตัวเฉินจี้เองหลบอยู่ในโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย
ดังนั้น เฉินจี้ถึงเลือกนักเลงข้างถนนที่โหดเหี้ยมมารับบ้าน แทนที่จะเลือกธนาคารที่ถูกต้องตามกฎหมาย!
เป๋าเกอครุ่นคิด “เฉินจี้น่ะหรือ? ฉันเห็นเขาซื่อๆ เป็นแค่เด็กขี้อาย แกอย่าหลอกฉันเลย”
เขานึกถึงความประทับใจที่มีต่อเฉินจี้ ตอนเซ็นสัญญา เฉินจี้ทั้งขี้อายทั้งพูดน้อยกว่าปกติ
เด็กนักเรียนในกรงแก้วแบบนี้ จะวางแผนหลอกทุกคนได้เชียวหรือ?
เฉินซั่วเห็นเขาลังเล จึงอธิบายต่อ “คุณไม่เห็นหรือว่าเขาหลอกผมด้วย? เพิ่งมารู้เอาป่านนี้ว่าเขาเซ็นสัญญาจำนองกับคุณ นี่ยังไม่พอจะพิสูจน์อีกหรือ? อีกอย่าง คุณอยากได้บ้านหลังนี้ไม่ใช่หรือ? เขามีเงินคืนคุณได้ทุกเมื่อ พอคุณจัดการผมเสร็จ เขาก็แค่ไถ่บ้านคืนไป คุณได้แค่ดอกเบี้ยนิดหน่อยเท่านั้น! เขากำลังปั่นหัวคุณอยู่!”
เป๋าเกอยิ้มเรียบเฉย “ตามที่แกพูด ฉันถูกเด็กมัธยมปลายหลอกใช้งั้นสิ?”
“เขาไม่ใช่เด็กมัธยมปลาย เขาสอบเข้าโรงเรียนภาษาต่างประเทศกองทัพบกผ่านโควตาพิเศษแล้ว”
เป๋าเกอเลิกคิ้ว “โรงเรียนนี้ไม่ใช่แค่สอนภาษา…คนที่จบออกมาล้วนเป็นนายทหารฝ่ายทูตประจำต่างประเทศ...น่าสนใจ ตอนนี้เฉินจี้อยู่ไหน?”
“โรงพยาบาลจิตเวชชิงซาน!”
(จบตอน)
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน: -
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#พระเอกเทพ #นิยายแฟนตาซี #qingshan
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น