ตอนที่ 0009 ท่ามกลางอันตราย



เด็กฝึกสามคน  เกิดปีเดียวกัน  เดือนเดียวกัน  วันเดียวกัน  เวลาเดียวกัน


ราวกับชะตากรรมที่ถูกเลือกพร้อมกัน  มีการจัดแจงพิเศษบางอย่าง


เฉินจี้นึกถึงหมอเฒ่าที่เหยาชอบใช้วิชา ‘หกเหยา’ ทำนายดวง  รวมถึงวิชาแบกหินกอดเสาที่ต้านทานกระแสน้ำแข็งได้  เขารู้สึกเสมอว่าอาจารย์ผู้นี้ยังมีความลับอีกมาก


หรือว่าในโลกนี้  วิชาหกเหยามีวิธีลึกลับที่ถามได้ถึงฟ้าเบื้องบน  ถามได้ถึงน้ำพุเหลืองเบื้องล่างจริงๆ?


กำลังครุ่นคิดอยู่  ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงินเข้มคนหนึ่งมาถึงประตู  หลิวฉวีซิงรีบยิ้มต้อนรับ  “พ่อบ้านหวัง  ดึกดื่นแบบนี้มาทำอะไรที่โรงยาหรือ?”


ชายวัยกลางคนประนมมือให้หมอเฒ่าเหยา  “หมอหลวงเหยา  นายหญิงเฒ่าของข้า  หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้วก็อาเจียนท้องเสีย  ตอนนี้หมดสติอยู่บนเตียงแล้วขอรับ  นายข้าใช้ให้มาเชิญท่านไปตรวจที่บ้าน  หากท่านยอมไป  จะตอบแทนอย่างงามแน่นอนขอรับ”


หมอเฒ่าเหยาเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง  โยนเหรียญทองแดงบนเคาน์เตอร์หกครั้งอย่างสบายๆ “ดินไฟหมิงอี่  ลมบึงจงฟู่......คืนนี้ไม่ควรออกจากบ้าน  ไม่ไป”


เฉินจี้:  อ้าว?


พ่อบ้านเผยสีหน้าลำบากใจ  “พ่อเฒ่าเหยา  ท่านเป็นหมอ  ต้องมีใจเมตตาของผู้รักษา  จะละทิ้งชีวิตคนเพียงเพราะลางบอกเหตุที่ไร้มูลได้อย่างไร?”


“เมืองหลัวมีหมอตั้งมากมาย  ขาดข้าคนเดียวได้หรือ?”  หมอเฒ่าเหยาถลึงตามองเขา  “บ้านหลี่ของพวกเจ้าขี้เหนียวมาแต่ไหนแต่ไร  คราวก่อนมาขอให้ไปตรวจกลางดึก  ก็บอกว่าจะตอบแทนอย่างงาม  ผลสุดท้ายหลังข้าไปตรวจรักษาแล้ว  แค่ฝังเข็มเดียวก็รักษาอาการปวดหัวของมารดาเขาหาย  นายหญิงเฒ่าบ้านเจ้าหาว่าข้าทำเงินง่ายเกินไป  เลยคิดจะเบี้ยวค่าตอบแทนงามๆ  ตอนกลับยังส่งปลาเค็มรมควันให้ข้าแค่สองตัว  ใครอยากไปก็ไปเถอะ!”


พ่อบ้านหวังร้อนใจ  “หมอหลวงเหยา  นายหญิงเฒ่าของข้าอายุมากแล้ว  ขอท่านเห็นใจหน่อยเถิด......”


หมอเฒ่าเหยาลูบเคราตัวเอง  “อย่าเอาอายุมาอ้าง  นางอายุน้อยกว่าข้าตั้งสามสิบกว่าปี  ทั้งเมืองหลัวไม่มีใครมาอ้างอาวุโสใส่ข้าได้หรอก”


พ่อบ้านหวัง  “......”


หมอเฒ่าเหยาโบกมือ  “เซ่อเติงเค่อ  ไปส่งแขก!”


เซ่อเติงเค่อส่งพ่อบ้านหวังเสร็จ  ก็กลับมาพูดกับหมอเฒ่าเหยา  “อาจารย์  ทำไมไม่ให้พวกข้าออกไปตรวจเล่า?  ออกไปตรวจครั้งหนึ่งก็ได้เงินหนึ่งตำลึงนะขอรับ”


หมอเฒ่าเหยาโกรธจนด่า  “พวกเจ้ามาอยู่กับข้าสองปีแล้ว  จับชีพจรยังไม่แม่น  ตอนนี้ให้พวกเจ้าออกไปตรวจ  กับส่งมือสังหารไปต่างกันตรงไหน?”


เซ่อเติงเค่อหายใจติดขัด  “อาจารย์  ข้าตั้งใจเรียนแล้วนะขอรับ......”


หมอเฒ่าเหยายกมือ  ตีไม้ไผ่ลงบนแขนเซ่อเติงเค่อ  “ไปทำอาหารไป๊!”


เซ่อเติงเค่อรีบเดินไปทางลานหลัง  หลิวฉวีซิงเดินตามเขาไป  คนหนึ่งสูงใหญ่กำยำเหมือนเจดีย์เหล็ก  อีกคนผอมเหมือนไม้กระบอก


ถึงลานหลัง  เซ่อเติงเค่อพูดเสียงต่ำ  “ไอ้หนู  วันนี้เจ้าทำเกินไป  พวกเราเป็นพี่น้องร่วมสำนักกัน  ไม่มีใครกดขี่ข่มเหงกันแบบนี้”


หลิวฉวีซิงชะงักไป  “ข้าเกินไปหรือ?  เกินไปตรงไหน  บ้านเขาไม่จ่ายค่าเรียน  ผิดที่ข้าด้วยหรือ?  อย่าลืมสิ  อาจารย์รับศิษย์สืบทอดแค่คนเดียว!”


เซ่อเติงเค่อจมอยู่ในความคิด  ศิษย์สืบทอดเท่านั้นถึงจะรับตำแหน่งราชการที่สำนักหมอหลวงได้  เด็กฝึกทั้งสามคนจึงเป็นคู่แข่งกันตั้งแต่แรก


…… 


……


กลิ่นข้าวลอยออกมาจากครัว  ในลานตั้งโต๊ะเตี้ย  กับม้านั่งขาสั้น  หมอเฒ่าเหยาถือชามข้าวต้มข้าวฟ่าง  ค่อยๆ ซดริมชาม


บนโต๊ะมีผักดองหนึ่งจาน  เต้าหู้หนึ่งจาน  เซ่อเติงเค่อกับหลิวฉวีซิงนั่งเรียบร้อยบนม้านั่งตัวเล็ก  รอจนอาจารย์กินเสร็จเช็ดปากแล้วถึงกล้าหยิบตะเกียบ


เฉินจี้จ่ายค่าเรียนไม่ไหว  จึงไม่มีแม้แต่ที่นั่ง  ได้แต่ยืนแทะขนมปังธัญพืชข้างๆ


ขนมปังธัญพืชไม่รู้ผสมผักป่าอะไรลงไป  กลืนลงคอยาก  เฉินจี้ตักน้ำจากโอ่งมาหนึ่งขัน  กลืนขนมปังลงท้องพร้อมน้ำ  แล้วหิ้วถังน้ำกับผ้าเช็ดเดินไปทางโถงใหญ่


หมอเฒ่าเหยาเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง  “ฟ้ามืดแล้วยังไปทำงานอีกหรือ?”


“กลัวพรุ่งนี้ทำงานไม่ทัน  เลยมาถูพื้นให้เสร็จก่อน”  เฉินจี้อธิบาย


หมอเฒ่าเหยาเกาคิ้ว  “แผนยอมรับความเจ็บปวดหรือ?  เจ้าอย่ามาใช้แผนยอมรับความเจ็บปวดให้ข้าดูเลย  ข้าจะไม่ใจอ่อนหรอก”


เฉินจี้ยิ้มนิดหน่อย  “ไม่หรอกขอรับ  อาจารย์  ข้าจะรีบหาเงินค่าเรียนมาจ่ายให้ท่านโดยเร็ว”


เขาอยากอยู่ที่โรงยาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามจากเจียวถู่กับหยุนหยาง  หรือปริศนากระแสน้ำแข็งในร่างกายที่ยังไม่คลี่คลาย  ล้วนต้องการให้เขาอยู่ที่นี่เพื่อหาทางแก้ไข


สถานการณ์ของเราหลังมาถึงโลกนี้ดูจะไม่ค่อยดีนัก……แต่ก็ไม่มีอะไรให้ต้องบ่น  โลกให้โอกาสเขาได้มีชีวิตอีกครั้ง  ก็นับว่าดีมากแล้ว


คนมองโลกในแง่ร้ายถูกต้องเสมอ  แต่คนมองโลกในแง่ดีเท่านั้นที่ก้าวหน้าตลอดไป


เฉินจี้วางถังน้ำลงบนพื้น  บิดผ้าให้แห้งแล้วเช็ดพื้น  แต่ในชั่วขณะที่เขาก้มตัว  กระแสน้ำแข็งในร่างกายก็พลันปะทุขึ้นอย่างไม่ปี่มีขลุ่ย!


ความหนาวเย็นถึงกระดูกถาโถมไปทั่วร่าง  ดูดความอบอุ่นในกายเฉินจี้ออกไปอย่างรวดเร็ว


เพียงไม่กี่ลมหายใจ  เขาก็สั่นไปทั้งตัว  ราวกับสวมเสื้อผ้าบางๆ อยู่กลางฤดูหนาวเย็นจัด


“กระแสน้ำแข็งนี้มันอะไร? วิญญาณแค้นหรือไง?  บางที  คงรอให้อาจารย์ตีพี่คนใดคนหนึ่งตายก่อน  แล้วค่อยลองสังเกตดู......”


เฉินจี้ตัวสั่นเทา  จัดท่าวิชาแบกหินกอดเสาเพื่อปราบกระแสน้ำแข็ง  น่าแปลกคือ  ครั้งนี้กระแสน้ำแข็งไม่หดกลับเข้าไปในตันเถียน  กลับยังคงพุ่งชนไปมาในร่างกาย  ราวกับกำลังมองหาบางสิ่ง


เขารับรู้ทิศทางที่กระแสน้ำแข็งพุ่งชน  มองไปทางด้านหลังเคาน์เตอร์  เห็นตู้ยาสีแดงชาดเรียงเป็นแถว


“อะไรกันที่ดึงดูดเจ้า?”  เฉินจี้เริ่มขยับไปทางตู้ยา  จนกระทั่งเขาดึงลิ้นชักที่เขียนคำว่า  ‘โสม’  ออกมา!


โสมอายุห้าสิบปี  ในลิ้นชักมีเพียงรากเดียว


เฉินจี้รับรู้การนำทางของกระแสน้ำแข็ง  ลองใช้มือไปสัมผัสรากฝอยของโสมอายุห้าสิบปีนั้น  กลับเห็นรากฝอยทั้งหกของโสมละลายกลายเป็นของเหลวใส  ไหลวนอยู่บนอุ้งมือเขา  สุดท้ายก็รวมตัวกันเป็นลูกแก้วเม็ดหนึ่ง  ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ


เพียงชั่วพริบตา  กระแสน้ำแข็งในร่างกายก็ถูกดูดออกไป  จนหมดสิ้น!


หืม?


ไอ้นี่ใช้ทำอะไร?


เฉินจี้หยิบลูกแก้วขึ้นมาพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด  ในลูกแก้วใสนั้น  ดูเหมือนมีควันบางๆ รูปร่างคล้ายงูเลื้อยไปมาไม่หยุด


เขาครุ่นคิดในใจว่า  ควรกินลูกแก้วเม็ดนี้หรือไม่  แต่คิดได้ว่า  หากกินมันลงไป  กระแสน้ำแข็งก็คงกลับเข้าร่างอีกไม่ใช่หรือ?


ยังไม่ต้องรีบกิน  อย่างไรเสีย  ลูกแก้วหนีไปไหนไม่ได้  ลองค้นดูในตำราก่อนว่า  มีข้อมูลเกี่ยวกับมันหรือไม่ค่อยว่ากัน


เฉินจี้ยัดลูกแก้วเข้าไปในแขนเสื้อ  ก้มมองโสมแก่รากนั้น  รากฝอยที่เดิมค่อนข้างหนาหลุดไปเกือบครึ่ง......


“อาจารย์จะสังเกตเห็นความผิดปกติไหมนะ……ด้วยนิสัยขี้เหนียวของท่าน  หากพบว่าโสมแก่หน้าตาเสียหาย  ข้าต้องชดใช้เงินเพิ่มอีกเท่าไร?!  จะไล่ข้าออกจากโรงยาเลยหรือเปล่า?!”


เฉินจี้คิดถึงตรงนี้ก็ตกใจ  รีบหาบัญชีคลังสินค้าของโรงยามาตรวจนับ  พลิกไปถึงหน้าโสมแก่แล้วเห็น  “โสมแก่ห้าสิบปีหนึ่งราก  สามเชียน  รากฝอยสิบสี่ราก”


หนึ่งเชียนคือน้ำหนักประมาณ  3  กรัม  บัญชีนี้จดละเอียดเกินไป  ขอแค่หมอเฒ่าเหยาตรวจนับคลังสินค้า  ต้องพบปัญหาของโสมแก่รากนี้แน่นอน


เขาขมวดคิ้วปิดลิ้นชัก  ครอบครัวที่ไม่ร่ำรวยอยู่แล้ว  ยิ่งตกอับเข้าไปใหญ่  ไม่รู้ว่าหมอเฒ่าเหยาตรวจสอบคลังสินค้านานแค่ไหนต่อครั้ง  ตนต้องแก้ปัญหานี้ให้เรียบร้อยก่อนที่อีกฝ่ายจะตรวจสอบคลังสินค้าครั้งหน้าเท่านั้น


แต่ว่า  สิ่งที่เขาต้องแก้ไขมากกว่าคือ  ปัญหาเฉพาะหน้า  การสอบวิชาในวันพรุ่งนี้


เฉินจี้ถูพื้นเสร็จแล้วไม่ได้กลับไปนอน  แต่หาหนังสือ ‘ตำราการแพทย์ทั่วไป’  มาพลิกดู  แม้ว่าตอนนี้เริ่มเรียนตั้งแต่ต้นจะสายไปหน่อย  แต่ก็ต้องเรียนอยู่ดี


เรียนให้เข้าใจเร็วหนึ่งวัน  โดนตีน้อยลงหนึ่งวัน


ตอนนั้น  เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังมาจากลานหลัง  เฉินจี้เก็บตำราการแพทย์ทั่วไปเข้าไปใต้เคาน์เตอร์


เขาหันไปมอง  หลิวฉวีซิงกำลังคลุมเสื้อคลุมตัวหนึ่งอยู่  โผล่หัวมาแอบมองตน


“พี่  ตื่นแล้วหรือ?”


“ข้าตื่นมาฉี่  มาดูเจ้าหน่อย”  หลิวฉวีซิงเดินเข้ามาใกล้อย่างลับๆ ล่อๆ  “ข้าต้องบอกเจ้าเรื่องหนึ่ง  ไม่งั้นตัวเองจะรู้สึกผิด”


“เรื่องอะไร?”


หลิวฉวีซิงพูด  “วันนี้ข้าให้เจ้าช่วยทำงาน  ใจจริงอยากช่วยเจ้า  ไม่งั้นก็จ่ายค่าเรียนไม่ได้  เจ้าจะถูกอาจารย์ไล่กลับบ้านแน่นอน  เจ้าอย่าไปฟังเซ่อเติงเค่อพูดพล่ามเลย  ข้าไม่มีเจตนาร้าย”


เฉินจี้ยิ้มพูด  “วางใจเถอะพี่หลิว  ข้ารู้ว่าพี่หวังดี”


“ดี  เจ้ารู้ว่าข้าหวังดีก็พอ”  หลิวฉวีซิงคลุมเสื้อคลุมกลับเข้าไปในห้อง  เซ่อเติงเค่อยังนอนกรนอยู่


เขาเขย่าเซ่อเติงเค่อ  “ตื่น!  ตื่น!”


ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ


หลิวฉวีซิงพูดอีก  “ตื่นเร็ว  เฉินจี้กำลังแอบทบทวนบทเรียนอยู่!”


พรวด!  เซ่อเติงเค่อลุกขึ้นนั่ง  “อะไรนะ?!”


หลิวฉวีซิงรีบเบี่ยงประเด็น  “ข้าเพิ่งตื่นมาฉี่  คิดจะไปดูว่าเฉินจี้ทำไมยังไม่กลับมานอน  ผลปรากฏว่า  เขาถือโอกาสตอนพวกเราหลับแอบอ่านหนังสือ!”


เซ่อเติงเค่อตกใจมาก  “ใจแคบขนาดนี้เชียว?!”


“ใช่สิ?  พวกเราก็มาเรียนกันเถอะ!”


เซ่อเติงเค่อหงุดหงิด  “ดึกดื่นป่านนี้จะเรียนอะไร  นอน!  เจ้าก็ห้ามเรียนด้วย!”


“อืม!  ไม่เรียน!  นอน!”


กลางดึก  เซ่อเติงเค่อตื่นเพราะปวดฉี่  เขาลุกขึ้นดู  ในห้องนี้ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรเหลือแค่เขาคนเดียวแล้ว


หนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นอย่างสงสัย  คลุมเสื้อคลุมยาวเดินไปทางลาน  กลับพบว่าในครัวมีแสงไฟสีส้มแดง


ผลักประตูดู  กลับพบว่าเป็นหลิวฉวีซิงกำลังคลุมเสื้อคลุม  นั่งบนม้านั่งตัวเล็กข้างเตา  จุดตะเกียงน้ำมันพืช  ในมือถือหนังสือพยาธิวิทยาโรคไข้หวัด......


“เจ้าบ้า!”  เซ่อเติงเค่ออุดปากหลิวฉวีซิงแล้วชก  แม้แต่เฉินจี้ก็ไม่คิดว่า  ตนเองจะนำลมชั่วของการแข่งเรียนมาสู่โรงยา


กำลังชกกันอยู่  เด็กสาวคนหนึ่งถือโคมไฟ  สีหน้าร้อนรนมาถึงหน้าประตูโรงยา  ร้องตะโกนเสียงดัง  “หมอหลวงเหยา  หมอหลวงเหยา!”


บนโคมกระดาษขาวเขียนอักษรสามตัวว่า  ‘จวนจิ้งอ๋อง’


เสียงร้องของเด็กสาวดึงความสนใจของทุกคนในโรงยา  เซ่อเติงเค่อหยุดชกหลิวฉวีซิงแล้ววิ่งออกไปข้างนอก


เขามาถึงโถงใหญ่เปิดประตู  “ชุนหวา  ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามาทำไม?”


นางสาวชุนหวาดูอายุราวสิบแปดสิบเก้า  สวมกระโปรงเสื้อสั้นสีเขียวสด  รูปโฉมงดงาม  นางพูดอย่างร้อนใจ  “เซ่อเติงเค่อ  หมอหลวงเหยาอยู่ไหน?”


บัดนี้  หมอเฒ่าเหยาจึงค่อยๆ เยื้องย่างมาถึง  กอดอกเดินอย่างเชื่องช้าพลางเอ่ยถาม  “มีอะไร?”


ชุนหวารีบพูด  “นายหญิงของข้าเกิดเรื่องแล้ว  ท่านรีบไปดูหน่อยเถิด”


ทุกคนมองหมอเฒ่าเหยา  กลับเห็นอีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง  “คืนนี้ไม่ควรออกจากบ้าน  ไม่ไป”


เฉินจี้:  อ้าว?


นี่ไม่ใช่โรงยาหลวงที่จัดสรรให้จวนจิ้งอ๋องโดยเฉพาะหรอกหรือ?


ชุนหวาร้อนจนเหงื่อออกเต็มหน้าผาก  นางรีบส่งสายตาให้เซ่อเติงเค่อ  ส่งสัญญาณให้เขาช่วยพูดหน่อย


เซ่อเติงเค่อรีบพูด  “อาจารย์  ผ่านยามจื่อไปแล้ว  วันใหม่แล้ว  ท่านลองทำนายใหม่อีกครั้งไหมขอรับ?”


หมอเฒ่าเหยาเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง  “งั้นก็ทำนายใหม่”


พูดพลาง  เขาหยิบเหรียญทองแดงออกจากแขนเสื้อโยนหกครั้ง  พึมพำในปาก  “ฟ้าสร้างความมืดมน  แข็งอ่อนเริ่มพบกันแล้วเกิดภัยพิบัติ  เคลื่อนไหวท่ามกลางอันตราย  ติดขัดแรกเริ่ม......”


หมอเฒ่าเหยาสีหน้าเปลี่ยน  “อัปมงคลใหญ่!  ไม่ไป  ไม่ไป  นี่ยิ่งไปไม่ได้เลย!”


ชุนหวาร้อนใจจนจะร้องไห้ออกมาแล้ว  “หมอหลวงเหยา  ถ้าข้าเชิญหมอไม่ได้กลางดึก  กลับไปข้าต้องตายแน่  อีกอย่างข้ามาพร้อมป้ายเอวจวนอ๋อง  โรงยาหลวงของท่านต้องออกไปตรวจนะคะ”


เซ่อเติงเค่อก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว  “อาจารย์  หากท่านไม่อยากไปจริงๆ ข้าไปเอง!”


หมอเฒ่าเหยาครุ่นคิดครู่หนึ่ง  “......เฉินจี้  เจ้าไป”


เฉินจี้  “อ้าว?  ข้าหรือ?”


(จบตอน)  


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน: -
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#พระเอกเทพ #นิยายแฟนตาซี #qingshan

Previous Next

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 0001 กลับสู่ศูนย์

ตอนที่ 0007 บุพการี

ตอนที่ 0006 เพื่อนร่วมงาน