ตอนที่ 0010 ตำหนักหวั่นซิง
ฟ้าสร้างความมืดมน แข็งอ่อนเริ่มพบกันแล้วเกิดภัยพิบัติ เคลื่อนไหวท่ามกลางอันตราย ติดขัดแรกเริ่ม......
เฉินจี้จำได้เลือนรางว่า นี่น่าจะเป็นเนื้อหาในคัมภีร์อี้จิง แต่ไม่รู้ว่ามีความหมายอย่างไร
แต่ถึงแม้ไม่เข้าใจ เขาก็ยังมีความยำเกรงต่อวิชาหกเหยาของหมอเฒ่าเหยา คำทำนายคืนนี้เป็นลางร้ายจนแม้แต่หมอเฒ่าเหยายังต้องหลีกเลี่ยง ให้ตนไปต่างอะไรกับส่งไปตาย?
เขาถามอย่างสงสัย “อาจารย์ เพราะดวงชะตาข้าแข็งพอหรือขอรับ?”
หมอเฒ่าเหยาคิดอยู่ครู่ “อืม”
เฉินจี้พูดอย่างอ่อนแรง “ทั้งที่พวกข้าสามศิษย์พี่น้องมีดวงชะตาเดียวกันเนี่ยนะ!”
หมอเฒ่าเหยาพูด “ถ้าพวกเขาสองคนเป็นอะไรไป ใครจะจ่ายค่าเล่าเรียนให้ข้า? เจ้าอยู่แล้วก็จ่ายค่าเล่าเรียนไม่ได้ เจ้าต้องไป ไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร ม้วนเสื่อกลับบ้าน”
เฉินจี้ครุ่นคิดอยู่นาน “ได้ขอรับ ข้าไป”
ชุนหวาพาเฉินจี้เดินไปยังประตูหน้าจวนอ๋อง มาถึงใต้แผ่นป้าย ‘เที่ยงธรรมชอบธรรม’ ทั้งสองถูกองครักษ์ใช้ง้าวยาวขวางไว้ “ป้ายเอว!”
นางแสดงป้ายเอว “นี่คือป้ายเอวจวนอ๋อง เชิญคนจากโรงยามาค่ะ”
องครักษ์เก็บง้าวเงียบงัน ประตูสีแดงบรรจงถูกเปิดออก ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด
ทั้งสองก้มหน้า รีบเดินผ่านจวนอ๋องอันกว้างใหญ่ลึกล้ำ ข้างกายเป็นกำแพงสีแดงสูงตระหง่าน กับกระเบื้องสีเทาและอาคารสองชั้น ใต้ชายคากระเบื้องวาดภาพมังกรทองสี่กรงเล็บ คาบลูกแก้วดับไฟ
เฉินจี้มองไปยังองครักษ์ชุดเกราะดำที่ยืนเคร่งขรึมอย่างตึงเครียด บ้างก็ยืนเฝ้ายาม บ้างก็ลาดตระเวน จ้องมองรอบด้านอย่างเฉียบคม
ชุนหวาถามเสียงเบา “หมอหลวงเหยาเคยบอกกฎระเบียบในจวนอ๋องกับเจ้าไหม?”
เฉินจี้พินิจว่า ร่างเดิมของตนน่าจะไม่มีสิทธิ์เข้าจวนอ๋อง คงเพิ่งเคยเยือนเป็นหนแรก อีกฝ่ายจึงถามแบบนี้ “อาจารย์ยังไม่เคยสอน ขอแม่นางชุนหวาชี้แนะด้วย”
ชุนหวาพูด “บริเวณรอบพระที่นั่งจิ้งอัน โถงหมิงเจิ้ง ต้องก้มหน้าต่ำ ห้ามมองซ้ายมองขวา พอเจอนายหญิงของข้าอย่าพูดมาก ถามอะไรตอบอย่างนั้น ในจวนอ๋องเห็นอะไร ได้ยินอะไร อย่าเอาไปพูดข้างนอกเด็ดขาด”
“รับทราบ”
มาถึงประตูโค้งแห่งหนึ่ง ขบวนสตรีสิบกว่าคนเดินสวนมา พวกนางหามเปลหามไม้สองหลัง บนเปลคลุมผ้าขาวไว้
สตรีเหล่านี้ไหล่กว้างเอวใหญ่ คิดว่าน่าจะเป็นบ่าวแข็งแรงในเรือนหลังของจวนอ๋อง
เมื่อทั้งสองฝ่ายเดินสวนกัน เปลหามหลังหนึ่งโคลงเคลงเพราะการกระเทือน มือเรียวบางสีคล้ำเขียวข้างหนึ่งห้อยออกมา สตรีคนหนึ่งยัดมือกลับเข้าไปใต้ผ้าขาวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขบวนเดินออกไปไกล ไม่รู้ว่าจะนำศพสองศพนี้ไปส่งแห่งหนใด
เฉินจี้เอ่ยปาก “แม่นางชุนหวา ท่านต้องบอกข้าว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อครู่คืออะไร”
“นายหญิงของข้าแท้งแล้ว” ชุนหวาพูด “เมื่อครู่สองคนนั้น เป็นสาวใช้ในตำหนักหวั่นซิง ต่างก็ถูกไม้โบยจนตาย”
เฉินจี้ใจหายวาบ
ขณะนี้เรือนหลังกลับสว่างไสวด้วยแสงไฟ บ่าวไพร่เดินไปมาไม่ขาดสาย ไม่รู้ว่ากำลังยุ่งอะไรอยู่ ทุกคนล้วนมีสีหน้าเร่งร้อนและหม่นหมอง
มาถึงนอกตำหนักหวั่นซิง มีนางทาสเจ็ดแปดคนคุกเข่าข้างกำแพง ร่ำร้องว่า ‘ไม่ยุติธรรม’ ไม่หยุด หญิงกำยำสิบกว่าคนถือไม้หวายฟาดหลังพวกนางไม่หยุด “พูดมา วันนี้ใครบ้างที่แตะต้องอาหารเย็นของจิ้งเฟย! ถ้าไม่พูดอีก ข้าจะฆ่าให้หมด!”
มีคนร้องไห้ “บ่าวไม่ได้แตะต้องจริงๆ นะเพคะ”
หญิงกำยำคนหนึ่งพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ยังไม่พูดอีก?”
พูดพไปลาง หญิงกำยำก็ดึงศีรษะนางทาสกระแทกกำแพง ตายคาที่!
เฉินจี้เอียงศีรษะเล็กน้อย บางทีคืนนี้ถ้าตนรับมือไม่เหมาะสม ก็จะลงเอยแบบนี้เช่นกัน
แต่เมื่อเขาเข้าใกล้บริเวณตำหนักหวั่นซิง ก็พลันตระหนักถึงกระแสน้ำแข็งกลุ่มหนึ่ง พลุ่งพล่านออกมาจากตำหนัก ไหลเข้าสู่ร่างกายเขา กระแสน้ำแข็งครั้งนี้มีมวลมหาศาล แม้กระทั่งมากกว่ากระแสน้ำแข็งของโจวเฉิงอี้ครั้งก่อนหลายเท่า!
เดี๋ยวก่อน กระแสน้ำแข็งนี้มาจากไหน? มาเพราะอะไร?
หากจะว่าครั้งก่อนเป็นวิญญาณแค้นของโจวเฉิงอี้เข้าสิง เนื่องเพราะตนช่วยหยุนหยางกับเจียวถู่จับสายลับราชวงศ์จิ่ง แล้วครั้งนี้ คนชตายในตำหนักหวั่นซิงไม่เกี่ยวข้องกับตนเลย เหตุใดจึงมีกระแสน้ำแข็งเข้าสู่ร่างกายด้วย?
เฉินจี้คิดอย่างเร่งรีบ การพลุ่งพล่านของกระแสน้ำแข็งต้องมีลักษณะร่วมซ่อนอยู่แน่นอน ตนต้องหาลักษณะร่วมนี้ให้เจอ จึงจะเข้าใจได้ว่ากระแสน้ำแข็งคืออะไร
กระแสน้ำแข็งกลุ่มนี้มาจากใคร? คำถามนี้สำคัญมาก
ยังคิดไม่ทันกระจ่าง ชุนหวาหันกลับมาเร่ง “ยืนงงอะไรอยู่? รีบตามข้ามา”
เฉินจี้รีบตามขึ้นไป ภายในตำหนักหวั่นซิงอันกว้างขวางมีภูเขาหินจำลอง รวมถึงระบบน้ำ อาคารหลักในสวนเป็นอาคารสองชั้น นอกอาคารปลูกดอกกุหลาบเลื้อย เถาวัลย์สีเขียวเลื้อยคดเคี้ยวไปตามตัวอาคาร หลังจากตัดแต่งแล้วดูงดงามเป็นพิเศษ
ความประณีตและความสงบในตำหนักนี้ ตัดกับนรกบนดินนอกตำหนักอย่างชัดเจน ทำเอาแม้แต่เถากุหลาบก็ดูน่าขนลุกเป็นพิเศษ
ขณะนี้ ได้ยินแต่เสียงสตรีในอาคารตะโกนด่าอย่างสุดแรง “ก่อนหน้านี้นายหญิงของข้ารู้สึกว่า ชามรังนกนั่นไม่ชอบมาพากล ดื่มเสร็จได้แค่สองยามก็แท้งแล้ว ต้องมีคนวางยาพิษนายหญิงแน่นอน! รออ๋องกลับมาพบว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์ไม่มีแล้ว คงไม่แคล้วต้องมีคนชะตาขาด!”
เสียงจบลง ชุนหวาเอ่ยอย่างร้อนรนจากชั้นล่างขึ้นไป “นายหญิง คนจากโรงยามาแล้วเพคะ”
“รีบขึ้นมา” เสียงสตรีอ่อนโยนดังแว่ว “รีบให้เขาตรวจดูน้องจิ้งเฟย ว่าจริงๆ แล้วมีคนวางยาพิษหรือไม่”
ตึงๆๆๆ เฉินจี้เหยียบบันไดไม้ตามชุนหวาขึ้นชั้นบน
ภายในห้องชั้น 2 ฉากกั้นผ้าโปร่งบางบังเตียงไว้ สตรีวัยกลางคนนั่งตัวตรงบนเก้าอี้ไท่ซือนอกฉากกั้น เห็นเพียงนางสวมเสื้อคลุมผ้าไหมเรียบง่ายปักด้ายทอง มวยผมเสียบปิ่นปักผมประดับขนนก สีหน้าห่วงใยมองไปหลังฉากกั้น พลางส่งเสียงอ่อนโยน “น้องจิ้งเฟยไม่ต้องกังวล อนาคตยังอีกยาวไกล ต้องตั้งครรภ์ได้อีกแน่นอน”
หลังฉากกั้น จิ้งเฟยเอ่ยเสียงอ่อนแอ “ขอบคุณพี่หยุนเฟยที่ห่วงใย”
มุมชั้น 2 ยังมีแมวดำตัวหนึ่ง กำลังต่อสู้กับแมวขาว ต่อยตีกันจนขนร่วงเกลื่อนพื้น แต่ไม่มีใครสนใจเลย ดูเหมือนตั้งใจปล่อยให้มันตีกัน
แมวดำตัวเล็ก ตอนโดนตีถูกเตะเข้าหัวสิบกว่าที วิญญาณแทบจะถูกเตะออกมาแล้ว
ครั้นเฉินจี้ก้าวขึ้นบันได แมวดำก็พลันหลุดจากแมวขาว จ้องตรงมายังปลายแขนเสื้อของเฉินจี้ ดมกลิ่นด้วยจมูก มันอยากเข้าใกล้เฉินจี้ แต่ไม่ทันระวังแมวขาวก็กระโจนเข้ามาฟัด พากลับไปยังมุมเดิมอีกครั้ง
ชุนหวาพาเฉินจี้มาถึงชั้น 2 แล้ว พูดไปทางฉากกั้น “นายหญิง คนจากโรงยามาแล้วเพคะ ให้เขาตรวจอาการให้ท่านเถิด”
บัดนี้ หญิงดุร้ายคนหนึ่งมองมายังชุนหวา ถามอย่างโกรธเกรี้ยว “หมอหลวงเหยาล่ะ? ทำไมมาแต่เด็กหนุ่มนมยังไม่หายขมนี่”
ชุนหวาตกใจรีบคุกเข่าลงกับพื้น พูดเสียงสั่นเครือ “หมอหลวงเหยายืนกรานว่าคืนนี้อัปมงคลใหญ่ ไม่ควรออกจากบ้าน ข้าขนาดยกอ๋องมาอ้างแล้วก็ยังเชิญไม่ได้เลยเพคะ”
หญิงดุร้ายคนนั้น สีหน้าหม่นลง “หมอหลวงของจวนอ๋อง จวนอ๋องกลับเชิญไม่ได้? หมอหลวงเหยาผู้นี้วางตัวสูงส่งเหลือเกิน!”
หยุนเฟยขมวดคิ้วพูด “หมอหลวงเหยาชอบทำนายลางดีลางร้ายข้ารู้ แต่คืนนี้ก็ไม่มา พูดไม่ขึ้นเลย รออ๋องกลับจากเจียงหนาน ข้าจะทูลเรื่องนี้ตามความเป็นจริงให้พระองค์ทรงทราบ หากจวนอ๋องยังใช้งานโรงยาหลวงไม่ได้ โรงยาหลวงนี้ไม่มีก็ได้”
หญิงดุร้ายถาม “แล้วคืนนี้เล่า จะปล่อยผ่านไปอย่างนั้นหรือ? อาการป่วยของนายหญิงข้าจะทำอย่างไร!”
หยุนเฟยทำหน้าลำบากใจ “อ๋องไม่อยู่ตอนนี้ หมอหลวงเหยาเป็นถึงขุนนางชั้น 7 สุดท้ายต้องรออ๋องกลับมาตัดสินใจเอง”
หญิงดุร้ายพูดเสียงต่ำ “อย่าบอกนะว่าท่านหยุนเฟย สั่งให้หมอหลวงเหยาอย่ามา?”
จิ้งเฟยหลังฉากกั้นรีบพูด “ชุนหรง อย่าเสียมารยาทกับพี่หยุนเฟย!”
หยุนเฟยยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก ชุนหรงก็เป็นห่วงน้อง ไม่งั้นไม่ทำอย่างนี้หรอก คนจากโรงยาหลวงมาแล้ว ให้เขาตรวจดูน้องจิ้งเฟยก่อนเถอะ”
จิ้งเฟยพูดเสียงเบา “ก็ดี”
หญิงดุร้ายชุนหรงมองมายังเฉินจี้แล้วพูดเสียงเย็น “มัวยืนบื้ออะไรอยู่? รีบมาตรวจอาการให้จิ้งเฟยเร็วเข้า”
เฉินจี้ก้มหน้าไม่พูด
เขาตรวจรักษาคนไม่เป็นเลยสักนิด......
อีกอย่าง ตอนนี้สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดไม่ใช่การตรวจอาการ
ตรวจถูกก็ตาม ตรวจผิดก็ตาม ล้วนจะเกิดเรื่อง
แม่นมชุนหรงเห็นเขาไม่พูด ก็พลันโกรธเกรี้ยวจนทนไม่ไหว “ตรวจอาการสิ!”
เฉินจี้ครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ประสานมือพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “นายหญิง ต้องขอประทานอภัย ข้าเรียนแพทย์ได้แค่สองปี ไม่เพียงเพิ่งได้ติดสอยห้อยตามอาจารย์ แต่ยังเรียนไม่ช่ำชองด้วย ไม่ทราบวิธีดูจริงๆ ว่าจิ้งเฟยถูกวางยาพิษหรือไม่ เรื่องนี้ เกรงว่าคงต้องให้ท่านอาจารย์มาเอง ข้าจะกลับไปลองโน้มน้าวท่านตอนนี้เลย ดูว่าจะเชิญท่านมาได้หรือไม่”
ม่ายชุนหรงตำหนิ “ชีพจรยังไม่จับก็บอกว่าไม่รู้ ลากออกไปโบยด้วยไม้ให้ตาย! หมอหลวงเหยาเป็นขุนนางชั้น 7 แตะต้องไม่ได้ เด็กฝึกตัวเล็กๆ ตีตายไปน่าจะไม่เป็นไรใช่ไหม? ดีเลย ให้โรงยาหลวงดูด้วยว่า ละเลยหน้าที่แล้วจะเป็นเช่นไร!”
ขณะพูด หญิงกำยำสี่คนวิ่งขึ้นมาจากชั้นล่าง พวกนางเหยียบพื้นไม้ดังตึงตังขณะลากเฉินจี้ เตรียมจะพาออกไปตีให้ตาย
ผมเผ้าของเขายุ่งเหยิง ปิ่นไม้ก็หล่นกระทบพื้น เสื้อผ้าส่งเสียงฉีกขาดทนไม่ไหว
หยุนเฟยยกถ้วยชาจิบอย่างไม่ยี่หระ ในสายตาผู้สูงศักดิ์ยุคนี้ เด็กฝึกตายก็ตายไป ไม่คุ้มเสียน้ำลายพูด
“ช้าก่อน ให้ข้าพูดให้จบ” เฉินจี้ดิ้นรนเอ่ยปาก “ข้าแม้ไม่ชำนาญวิชาแพทย์ แต่หากนายหญิงจิ้งเฟยถูกคนวางยาพิษจริง ข้าขอหาตัวคนร้ายให้เจอ!”
ชั้น 2 เงียบลงทันที เหลือแค่เสียงหายใจหนักของเฉินจี้
หยุนเฟยวางถ้วยชาเหลือบมอง พินิจดูเฉินจี้อย่างอยากรู้อยากเห็น “โอ้? เจ้าชำนาญด้านนี้ด้วยหรือ?”
นางพิจารณาเด็กหนุ่มน่าสังเวชใหม่อีกครั้ง พบเพียงว่า อีกฝ่ายดูไม่เหมือนเด็กฝึกเลยสักนิด ยิ่งเวลาล่วงผ่าน สายตาก็ยิ่งสงบนิ่ง
เฉินจี้ถามเสียงเร็ว “ขอถามว่า นายหญิงจิ้งเฟยตั้งครรภ์ได้กี่เดือนแล้วขอรับ?”
จิ้งเฟยหลังฉากกั้นพูดเสียงเบา “ห้าเดือน”
เฉินจี้พูด “ทารกห้าเดือน ตัวเป็นรูปร่างแล้ว หากมีคนใช้ยาพิษรุนแรงทำร้ายทารกได้ภายในไม่กี่ยาม ผู้ใหญ่ก็ต้องเสียชีวิต! บนโลกนี้ไม่มียาพิษที่ฆ่าแต่ทารกโดยไม่ทำร้ายหญิงตั้งครรภ์!”
หลักการของยาทำแท้งคือ ทำให้โปรเจสเตอโรนในร่างกายลดลง มดลูกหดตัว บังคับให้เนื้อเยื่อการตั้งครรภ์ถูกขับออกนอกร่างกาย ยาชนิดนี้หากต้องการให้ออกฤทธิ์ภายในหนึ่งวัน ต้องใช้กับทารกอายุไม่เกินสามเดือนเท่านั้น
สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้ทารกห้าเดือนแท้งมีหลายประการ หนึ่งคือ โรคอวัยวะสืบพันธุ์ของหญิงตั้งครรภ์ เช่น มดลูกผิดรูป สองคือ อาการป่วยทั่วร่างกายของหญิงตั้งครรภ์ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม อวัยวะล้มเหลว สามคือ ถูกแรงภายนอกกระแทก สี่คือ อารมณ์ของหญิงตั้งครรภ์ผันผวนรุนแรง เช่น เศร้าโศกหรือตกใจ
เฉินจี้ถาม “นายหญิงจิ้งเฟย ช่วงหลายเดือนนี้ ท่านเคยป่วยบ้างหรือไม่?”
ม่ายชุนหรงตอบ “นายหญิงของข้า ก่อนหน้านี้สุขภาพแข็งแรงมาก มาถึงช่วงไม่กี่เดือนหลังถึงเริ่มเบื่ออาหาร ก่อนหน้านี้เชิญหมอหลวงเหยามาตรวจ ท่านบอกว่าเป็นแค่อาการแพ้ท้องปกติ”
เฉินจี้ไม่ได้นับคำพูดของหมอเฒ่าเหยามาเป็นข้อมูลอ้างอิง เขาอ่านตำราแพทย์มาแล้ว แม้อีกฝ่ายจะเป็นหมอหลวงที่เคารพนับถือ ก็ไม่อาจก้าวข้ามข้อจำกัดของยุคสมัยได้
เขาถามต่อ “ช่วงนี้นายหญิงจิ้งเฟยเคยถูกแรงภายนอกกระแทก หรืออารมณ์ผันผวนรุนแรงบ้างไหม?”
ม่ายชุนหรงหัวเราะเย็น “พูดอะไรของเจ้า นายหญิงข้าเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ จะมีอาการที่เจ้าว่ามาได้อย่างไร? หากคิดแค่จะถ่วงเวลา เดี๋ยวคงไม่ใช่แค่โบยด้วยไม้จนตายง่ายๆ แล้ว”
เฉินจี้พูดสวนทันควัน “ในเมื่อไม่ใช่ทั้งหมดที่กล่าวมา ก็คือถูกวางยาพิษแล้ว! แต่ไม่ใช่พิษที่ใส่คืนนี้ แต่เป็นการวางยาพิษระยะยาว!”
“หือ?”
“เจ้าแน่ใจหรือ?”
(จบตอน)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น