ตอนที่ 0020 ค้นเรือน



“หาหลักฐานเจอแล้วหรือ?!”


“หลักฐานอยู่ที่ไหน?!”


ทุกคนหันไปมองเฉินจี้  สายตาที่เต็มไปด้วยการพินิจพิเคราะห์และความสงสัยพุ่งเข้ามาพร้อมกัน


แต่เขายังคงยืนอยู่หน้าประตูห้องโถงใหญ่  ไม่ถอยไม่หลีก  กล่าวซ้ำด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง  “ข้าพบหลักฐานแล้ว”


หลินเฉาชิงเหลือบสายตาคมกริบข้ามเจียวถู่  มองไปยังเฉินจี้ที่ยังคงปกปิดใบหน้า  “ท่านนี้คือ?”


หยุนหยางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว  บังร่างเฉินจี้ไว้ครึ่งหนึ่ง  “นี่คือเหยี่ยวนกเขาของกรมสืบลับข้า”


“เหยี่ยวนกเขานี่เอง  ยังไม่ได้เป็นหน่วยสืบลับเต็มตัว  คงมีสถานะพิเศษถึงต้องปกปิดใบหน้ากระมัง”  หลินเฉาชิงถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ  “แต่ขอให้เหยี่ยวนกเขาท่านนี้ช่วยไขข้อข้องใจให้ข้าหน่อย  ในหนังสือมีหลักฐานอะไร?  หากโกหกล่ะก็  เกรงว่าเจ้าจะต้องตามข้าไปคุกในด้วยแล้ว”


เฉินจี้ดึงผ้าสีเทาที่ปิดหน้าขึ้นเล็กน้อย  มองไปยังหยุนหยาง  “พูดได้หรือไม่?”


“พูดได้”


เฉินจี้พยักหน้ากล่าวว่า  “ท่านหยุนหยาง  ขอท่านหยิบหนังสือสองเล่มนั้นออกมา  ส่งให้ผู้บัญชาการหลินดูหน่อยขอรับ”


หยุนหยางหยิบหนังสือสองเล่มออกจากอกเสื้อ  ส่งให้หลินเฉาชิง


หลินเฉาชิงเปิดดูสองสามหน้า  กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย  “หนังสือธรรมดาเล่มหนึ่ง  จะมีข่าวลับได้อย่างไร?”


เฉินจี้อธิบายด้วยน้ำเสียงสงบ  “หากไม่เข้าใจ  ‘อรรถาธิบายสี่คัมภีร์’  มากพอ  ก็ยากจะมองเห็นปัญหา  แต่วิธีซ่อนข่าวลับในหนังสือเล่มนี้  แท้จริงแล้วง่ายมาก  เพียงแค่เอาไปเทียบกับฉบับดั้งเดิม”


“ฉบับดั้งเดิม?”  หยุนหยางดึงหนังสือสองเล่มกลับมาจากมือหลินเฉาชิง  เขาคลี่เล่มหนึ่งออก  เจียวถู่คลี่อีกเล่มหนึ่ง  ทั้งสองอาศัยแสงจันทร์พลิกอ่าน


เฉินจี้กล่าว  “ประโยคเดิมในหนังสือคือ  ‘ได้ในใจและไม่สูญเสียไป’  คำว่า  ‘สูญเสีย’ นั้น  โจวเฉิงอี้ตอนคัดลอกกลับจงใจเขียนเป็น  ‘ได้ในใจและไม่ทำการไป’  เปลี่ยนคำ  ‘สูญเสีย’  เป็นคำ  ‘ทำการ’”


“ดูต่อไปที่หน้าสาม  ตำแหน่งที่ในประโยคเดิมควรเป็นตัว  ‘จริงใจ’  โจวเฉิงอี้เปลี่ยนเป็นตัว  ‘สำเร็จ’”


ตัวอักษรเหล่านี้กระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ของหนังสือ  ห่างกันหลายหน้า  หากไม่มีใครถือฉบับดั้งเดิมมาเทียบทีละคำทีละประโยค  ก็ยากจะมองเห็นความแตกต่าง


แต่เดิมเฉินจี้คิดว่าโจวเฉิงอี้อาจใช้วิธีซ่อนอักษร  วิธีเข้ารหัสอักษร  วิธีผสมเสียง  วิธีแยกอักษร  ซึ่งล้วนเป็นวิธีที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าเคยมีคนใช้จริง


ทว่าเมื่อเขาวิเคราะห์อย่างละเอียด  กลับพบว่าอีกฝ่ายใช้วิธีง่ายดายกว่านั้น


หลินเฉาชิงหยิบหนังสือทั้งสองเล่มมาเทียบดู  ก็เป็นดังที่เฉินจี้กล่าวจริง  คิ้วที่ขมวดของเขาคลายลงเล็กน้อย  “ข้อความที่ส่งผ่านในหนังสือเล่มนี้  ทั้งหมดคืออะไร?”


เฉินจี้กล่าว  “เพราะเวลากระชั้นชิด  ข้าไม่ทันเทียบหนังสือทั้งเล่มจนจบ  ตอนนี้ได้ข้อความมาแค่  ‘เมื่อสำเร็จ  หัวหน้ากรมจะพบกับเจ้า’”


“หัวหน้ากรม!”  ดวงตาหยุนหยางฉายแววโชติช่วงทันที  “เจ้าแน่ใจนะว่าในข้อความเอ่ยถึงหัวหน้ากรม?  ข้าคิดว่า  แค่เป็นรองหัวหน้ากรมก็น่าตกใจแล้ว  ไม่นึกว่าจะเป็นหัวหน้ากรมข่าวกรองทหารมาเยือนเมืองหลัวด้วยตัวเอง!”


เจียวถู่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  “ต้องรีบให้คนส่งข่าวนี้กลับไปยังเมืองหลวง  ถึงกับทำให้หัวหน้ากรมข่าวกรองทหารต้องเดินทางลงใต้ด้วยตัวเอง  ต้องเป็นเรื่องใหญ่หลวงแน่...บุตรหลานตระกูลหลิวนี่จะทำอะไรกันแน่  ถึงได้รับความไว้วางใจจากกรมข่าวกรองทหารขนาดนี้?!”


บรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวภายในคฤหาสน์  คลายตัวลงอย่างฉับพลัน  เฉินจี้ถึงกับรู้สึกได้ว่า  ทุกคนถอนหายใจโล่งอกยาวนาน


หลินเฉาชิงเก็บดาบเข้าฝัก  เจียวถู่ก็ใช้นิ้วโป้งลูบผ่านหน้าผากตนเอง  รอยแผลที่กรีดเมื่อครู่หายสนิทในพริบตา  ไร้ร่องรอยใดๆ


หลินเฉาชิงมองไปยังเฉินจี้  กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  “หนุ่มน้อย  เจ้าอยู่กรมสืบลับก็แค่เหยี่ยวนกเขา  แม้แต่ขั้นยศยังไม่มี  ไม่สู้มาอยู่กรมอาญาข้าเป็นไร?”


หยุนหยาง  “หืม?”


เจียวถู่  “หือ?”


หลินเฉาชิงกล่าวต่อ  “ข้าทราบดี  เบาะแสและหลักฐานทั้งหมดคืนนี้  เจ้าเป็นคนหามาได้  ด้วยฝีมือของหยุนหยางกับเจียวถู่ย่อมเป็นไปไม่ได้  ด้วยฝีมือของเจ้า  หากมาอยู่กรมอาญาของข้า  รับรองว่าเจ้าจะได้เลื่อนขั้นทุกระดับ”


“หลินเฉาชิง  ชวนคนต่อหน้าข้าแบบนี้  เจ้ายังมีความละอายอยู่หรือไม่?”  หยุนหยางตวาดเสียงดัง


“อยู่กรมสืบลับเจ้า  เขาเป็นแค่เครื่องมือสร้างความดีความชอบให้พวกเจ้า  แต่มากรมอาญาข้า  กลับจะได้รับใช้ฝ่าบาท  รับใช้แผ่นดิน”  หลินเฉาชิงหัวเราะเย็น


“เขาเป็นคนของกรมสืบลับข้า!”


“ตอนนี้เขายังไม่ใช่คนของกรมสืบลับเจ้า  หากเขาตกลง  คืนนี้ข้าจะเขียนรายงานถวาย  ขอพระราชทานความดีความชอบให้เขาทันที”  หลินเฉาชิงกล่าว  “เป็นไง  เจ้าสองคนทำได้หรือไม่?”


หยุนหยางกับเจียวถู่สบตากัน  ลังเลว่าจะยอมสละความดีความชอบที่ได้มาหรือไม่


หลินเฉาชิงหัวเราะเย็น  “ไม่สู้ให้เขาเลือกเองดีกว่า”


ทุกคนมองไปยังเฉินจี้  เห็นเพียงเด็กหนุ่มยืนอยู่ท่ามกลางสายตา  สีหน้าซ่อนอยู่ใต้ผ้าสีเทาที่ปิดบังใบหน้า


หลังจากเงียบไปนาน  ก็ได้ยินเฉินจี้กล่าว  “ขอบคุณความหวังดีของท่านผู้บัญชาการ  ข้าขอทำงานใต้บังคับบัญชาของท่านหยุนหยางและท่านเจียวถู่ต่อไป”


หลินเฉาชิงกล่าว  “ย่อมได้  ต่างคนต่างมีทางของตน  แต่หากวันใดเจ้าเปลี่ยนใจ  จงมาหาข้าที่กรมอาญาเมืองหลัวได้ตลอดเวลา  ในสองเดือนนี้  ข้าน่าจะอยู่ที่นี่ตลอด”


“ขอบคุณท่านผู้บัญชาการหลิน”


ขณะกำลังสนทนากันอยู่นั้น  กลับได้ยินเสียงอึกทึกจากนอกคฤหาสน์  เป็นคนตระกูลหลิวหลายร้อยทยอยหลั่งไหลเข้ามา  ล้อมคฤหาสน์หลิวเสินหยูไว้แน่นหนาทั้งด้านหน้าด้านหลัง!


มีคนตะโกนเสียงดังจากภายนอก  “ท่านหยุนหยาง  แผนจิ้งจกสลัดหางนี้  เล่นได้ยอดเยี่ยมทีเดียว  แต่ตระกูลหลิวของข้าก็ไม่ใช่พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก  หากไม่ให้คำตอบแก่ข้า  วันนี้ถึงตายข้าก็ต้องแก้แค้นให้ท่านผู้เฒ่า  หลังจากนั้นราชสำนักจะตัดหัวข้า  หรือเนรเทศไปหลิ่งหนาน  ข้าหลิวหมิงเสี่ยนก็ไม่มีคำบ่นใดๆ!”


เสียงหยุดลง  พวกเขาได้ยินเสียงคนวางฟืนแห้งและราดน้ำมันอยู่ภายนอก  กลิ่นฉุนของน้ำมันโชยเข้ามา!


คนในคฤหาสน์มองหน้ากันไปมา


คราวนี้กลับเป็นหลินเฉาชิงที่ออกคำสั่งเอง  “หลี่ต้าปิ่ง  หลี่ต้าเพ่า  พวกเจ้าสองคนพาคนออกไปขวางตระกูลหลิวไว้  ห้ามให้ใครจุดไฟเผาคฤหาสน์  หากขัดขืน  ฆ่าได้ไม่ต้องเว้น!”


พูดจบ  เขามองไปยังเฉินจี้  “หลักฐานที่จะตัดสินโทษลูกหลานตระกูลหลิวอยู่ที่ใด  พวกเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า  ข่าวของโจวเฉิงอี้ถูกส่งไปให้ลูกหลานตระกูลหลิว?”


คืนนี้เรื่องเกิดขึ้นเพราะลูกหลานตระกูลหลิวตายในคุกใน  แม้กรมสืบลับจะพบข่าวกรองสำคัญ  หนังสือเล่มนี้บอกได้เพียงว่า  หัวหน้ากรมข่าวกรองทหารกำลังจะเดินทางลงใต้  แต่จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าโจวเฉิงอี้ต้องการส่งข่าวกรองนี้ให้ลูกหลานตระกูลหลิว


หากพิสูจน์ไม่ได้  ตระกูลหลิวก็ยังคงไม่ยอมเลิกรา


เฉินจี้ยกหนังสือในมือขึ้น  เอ่ยถามว่า  “ท่านทั้งหลาย  ‘อรรถาธิบายสี่คัมภีร์’  มีทั้งหมดกี่ตอน”


หลินเฉาชิงตอบอย่างเรียบเฉย  “รวมสามสิบเก้าตอน  แต่ละตอนพิมพ์แยกกัน  รวมทั้งหมดสามสิบเก้าเล่ม”


เฉินจี้ถามต่อ  “แล้ว ‘บทที่สอง ว่าด้วยการปกครอง’ เป็นตอนที่เท่าไร”


หลินเฉาชิงตอบว่า  “ตอนที่แปด...”


เฉินจี้พยักหน้า  “ไม่มีใครเริ่มคัดลอกจากตอนที่แปด  ต้องเริ่มจากตอนที่หนึ่ง  ตอนที่สอง...คัดลอกไปตามลำดับจนถึงตอนที่แปดแน่นอน  ข้าไม่พบฉบับคัดลอกเจ็ดตอนแรกในบ้านโจวเฉิงอี้  ดังนั้นเขาต้องส่งเจ็ดตอนแรกออกไปแล้ว  กล่าวคือ  โจวเฉิงอี้น่าจะอ้างว่ายืมหนังสือและคัดลอก  ส่งข่าวกรองไปแล้วถึงเจ็ดครั้ง”


หลินเฉาชิงเริ่มกระจ่าง  “ขอเพียงหาให้พบว่า  ฉบับคัดลอกลายมือโจวเฉิงอี้ทั้งเจ็ดเล่มอยู่ที่ใด  ก็จะพิสูจน์ได้ว่าใครรับข่าวกรองเหล่านี้!”


“ถูกต้อง”  เฉินจี้ยกหนังสือในมือขึ้น  “นี่คืออรรถาธิบายสี่คัมภีร์ตอนที่เจ็ด ‘บทที่หนึ่ง  ว่าด้วยการปกครอง’  ที่ข้าเพิ่งพบในห้องหลิวเสินหยู  ดูจากลายมือน่าจะเป็นฝีมือโจวเฉิงอี้  เพียงใช้สิ่งนี้ก็ตัดสินความผิดหลิวเสินหยูได้แล้ว”


เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  ดุจสายฟ้าฟาดทะลุม่านหมอกชั้นแล้วชั้นเล่าในค่ำคืนนี้  ชี้แจงความจริงให้ทุกคนได้ประจักษ์


ทุกคนเข้าไปในห้องค้นหาตู้หนังสือ  เฉินจี้ค้นหาที่อื่นในห้อง  เมื่อเขาเปิดตู้ใบหนึ่งในห้องชั้นใน  ก็พลันชะงักไปเล็กน้อย


เพราะเมื่อเปิดตู้  กระแสน้ำแข็งที่สงบนิ่งมานานในร่างเขา  กลับพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง


ในตู้วางกล่องไม้อยู่หลายใบ  เฉินจี้เปิดดูโดยไม่แสดงอาการใด  เห็นในกล่องใบแรกมีกำไลหยกขาวสองวง  กล่องใบที่สองใส่สมุดบัญชีไว้บ้าง  กล่องใบที่สาม...กลับมีโสมอยู่หนึ่งราก!


เขามองไปด้านหลัง  หยิบกล่องใบนั้นมาวางบนโต๊ะ  ตั้งใจจะยื่นมือไปแตะโสม


ยังไม่ทันแตะ  ก็ได้ยินเสียงหลินเฉาชิงลอยมา  “เจ้าหนุ่ม  ทรัพย์สินใดๆ ในบ้านขุนนางผู้กระทำผิด  ล้วนแตะต้องไม่ได้  กรมอาญาของข้าดูแลกรมสืบลับ  หน้าที่สำคัญที่สุดคือ  ป้องกันไม่ให้หน่วยสืบลับยักยอกทรัพย์สิน  วางของพวกนั้นคืนที่เดิมเถิด  ภายหลังเสนาบดีฝ่ายในจะส่งคนมาตรวจยึดลงบัญชีเอง”


เฉินจี้  “...”


เขานึกว่ากรมสืบลับที่ทำหน้าที่ตรวจค้นบ้านและปิดปากคน  จะริบทรัพย์สินได้ตามใจชอบ...มิน่าเล่า  ตอนต่อรองกับหยุนหยาง  อีกฝ่ายถึงได้ทำหน้าเจ็บปวด  ที่แท้ถูกกรมอาญาจับตามองทุกวัน!


เฉินจี้ยืนอยู่หน้าโต๊ะ  นิ้วมือเคาะกล่อง  ครุ่นคิดครู่หนึ่ง  สุดท้ายก็วางกล่องคืนที่เดิม  ส่วนเขากลับไปยังชั้นหนังสือ  หยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาเปิดดูคร่าวๆ แล้วก็ใส่คืนจุดเดิม


ขณะนี้  ทุกคนหาอรรถาธิบายสี่คัมภีร์เจ็ดตอนแรกครบแล้ว  และยืนยันได้ว่าทั้งหมดเป็นลายมือโจวเฉิงอี้!


หยุนหยางถอนหายใจยาว  “ชนะแล้ว!  เรื่องตระกูลหลิวถือว่าปิดคดีได้  ไม่ว่าท่านผู้เฒ่าหลิวจะตายเพราะโมโหหรือป่วยตาย  กรมสืบลับของข้าก็ทำงานตามความเที่ยงธรรม  นับเป็นความดีความชอบครั้งใหญ่!”


หลินเฉาชิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ  “หวังว่าคราวหน้า  เจ้าจะไม่ชนะแบบเฉียดฉิวเกินไปอีก  คราวนี้โชคดี  คราวหน้าหากพบตระกูลหู  ตระกูลสวี  ตระกูลเฉิน...อาจไม่มีคนคุ้มครองท่านแล้ว”


หยุนหยางหัวเราะเย็น  “ขอบคุณท่านผู้บัญชาการหลินที่เตือน”


เขาจัดผมตัวเอง  จัดระเบียบเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่  สุดท้ายอุ้มหนังสือที่รวบรวมไว้เป็นกอง  “ไปกันเถิด  เอาหลักฐานไปปิดปากพวกตระกูลหลิว!”


“ช้าก่อน”  หลินเฉาชิงกล่าวเย็นชา  “ใครก็ตามไม่อาจแอบเอาทรัพย์สินออกจากที่นี่  ขอตรวจสอบหน่อย”


หยุนหยางกับเจียวถู่พลิกแขนเสื้อ  ตบเสื้อผ้าตัวเองขึ้นลง  กล่าวอย่างหงุดหงิด  “แค่เหรียญทองแดงนิดหน่อย  ไม่ได้แอบเอาอะไร  พวกข้ารู้กฎดีน่า!”


หลินเฉาชิงหันมองเฉินจี้  เฉินจี้จำต้องพลิกแขนเสื้อ  ตบเสื้อผ้าตามอย่าง  “ข้าก็ไม่ได้แอบเอาอะไร”


“ดีมาก”


ทุกคนพากันเดินออกไปข้างนอก  เมื่อพวกเขาเดินถึงประตู  ในห้องเมื่อครู่  แมวดำตัวเล็กๆ ลุกขึ้นยืนจากคาน  ยืดเหยียดร่างกาย


อูหยุนกระโดดลงจากคานตัวเบาหวิว  คาบโสมที่เฉินจี้เพิ่งใส่คืนในตู้ออกมา  มันคาบโสมปีนขึ้นไปบนชั้นหนังสือ  แล้วคาบหนังสือที่เฉินจี้เพิ่งเปิดดูเมื่อครู่มาด้วย


อูหยุนสีดำขนฟูมองไปรอบกาย  เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครสังเกต  ก็ปีนขึ้นคานอีกครั้ง  มุดผ่านช่องแคบหายเข้าไปในความมืด


(จบตอน)


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน: -
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#พระเอกเทพ #นิยายแฟนตาซี #qingshan

Previous Next

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 0001 กลับสู่ศูนย์

ตอนที่ 0007 บุพการี

ตอนที่ 0010 ตำหนักหวั่นซิง