ตอนที่ 0025 ถอดรหัส



บนถนนอันซี  นอกประตูโรงยาไท่ผิง  หยุนหยางกับเจียวถู่สวมชุดคล่องตัวสีดำ  นั่งยองๆ เรียงกันอยู่หน้าเมิ่งจี  พลางเอามือค้ำคาง  “เขาดูเหมือนจะเจ็บปวดนิดหน่อย......ทุกครั้งที่สร้างความฝันจะเป็นแบบนี้ตลอดเลยหรือ?”


หยุนหยางส่ายหน้า  “ไม่รู้สิ  อาจเพราะครั้งนี้ข้าจ่ายค่าตอบแทนมาก  เขาเลยสร้างความฝันอย่างตั้งใจกว่าปกติก็ได้”


ตรงข้ามทั้งสองคน  เห็นเมิ่งจีทำหน้าบิดเบี้ยวดุดัน  ร่างกายยังกระตุกเป็นระยะๆ  ราวกับหมอผีที่กำลังถูกวิญญาณเข้าสิงจนเนื้อเต้น


หยุนหยางรู้สึกว่า  ภาพตรงหน้าดูคุ้นตา  เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ยต่อ  “เมิ่งจีดูเหมือนถูกข้าปักเข็มเลย  ถึงว่า  ทุกครั้งที่เขาสร้างความฝันจะเรียกราคาแพงเสมอ  ต้องแลกมาด้วยความทรมานขนาดนี้เลยสินะ”


เจียวถู่พยักหน้ารัวๆ  แสดงว่าเห็นด้วยอย่างยิ่ง  “อืมๆ  เงินที่จ่ายไปคุ้มค่า  เขาสมควรได้รับแล้ว!”


ในความฝัน  เมิ่งจีที่แปลงกายเป็นโจวเฉิงอี้  กำลังถูกเจียวถู่กับหยุนหยางที่เฉินจี้สร้างขึ้นในจินตนาการ  กดตัวแล้วปักเข็ม  สามวินาทีเปลี่ยนตำแหน่งหนึ่งครั้ง  ทั้งตัวถูกปักเข็มแทบจะหมดแล้ว


เฉินจี้ยืนครุ่นคิดอยู่ห่างๆ  เขาตระหนักได้นานแล้วว่านี่คือความฝัน  แต่ความฝันนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร


หยุนหยาง!


เขานึกขึ้นได้ว่า  ก่อนหน้านี้  หน้าประตูบ้านหลิวเสินหยู  หยุนหยางเคยตัดผมของเขาไปหนึ่งปอยอย่างไม่มีเหตุผล!


มีเพียงพฤติกรรมประหลาดนี้เท่านั้น  จึงจะอธิบายสถานการณ์ประหลาดในปัจจุบันได้!


คิดถึงตรงนี้  เฉินจี้ตัดสินใจแล้วว่า  จะหลุดออกจากความฝัน


ในชั่วพริบตา  ลานบ้านตระกูลโจวที่อยู่ตรงหน้าเขาเริ่มโปร่งใส  และด้านหลังของบ้านตระกูลโจวที่โปร่งใส  มีภาพเลือนรางอีกชั้นหนึ่ง......ห้องโถงใหญ่ของโรงยา


ภาพสองภาพซ้อนทับกัน  เฉินจี้อยากจะกลับไปสู่โลกความเป็นจริง  แต่กลับเหมือนถูกใยแมงมุมมหึมาเกาะติด  ไม่อาจทะลุผ่านชั้นความฝันนี้ออกไปได้


เมิ่งจีหัวเราะเย็นเยียบ “อยากไปหรือ  มาเที่ยวนรกอเวจีกันเถอะ!”


พอเสียงนั้นจบลง  ก็เห็นบ้านตระกูลโจวพังทลายกลายเป็นเหวลึก  ฟ้าดินเปลี่ยนสี  หยุนหยางกับเจียวถู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นควันสีเขียวอ่อน  แล้วสลายหายไป  ความฝันที่แต่เดิมมีเพียงลานเล็ก  บัดนี้กลับกว้างใหญ่ไพศาลอย่างไร้สิ้นสุด


ในความรางเลือน  เฉินจี้ค่อนข้างแยกไม่ออกว่า  ชั้นใดเป็นความจริง  ชั้นใดเป็นความฝัน  ตกอยู่ในสภาวะหลงทางอีกครั้ง


เมิ่งจีกลับคืนร่างเดิมของตน  เขายืนอยู่ในเหวลึก  สะบัดเสื้อคลุมปกกว้าง  ใช้มือสองข้างจัดผมที่ยุ่งเหยิง  แล้วพูดด้วยเสียงแหลมเล็ก  “เกือบจะพลาดท่าให้เด็กฝึกตัวจ้อยแล้วสิ  เก่งมากที่ทำให้ข้ามีน้ำโหได้จริงๆ…….ไม่นึกว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์ในการเป็นสิงกวน  บีบให้ข้าต้องสร้างความฝันชั้นเจี่ย*ขึ้นมา!” (เจี่ย — ชั้นหนึ่ง / ชั้นสูงสุด)


พร้อมกับเสียงพูดของเมิ่งจี  เฉินจี้รู้สึกเพียงว่า  ตัวเองเหมือนแตกแยกออกเป็นส่วนๆ  แยกไม่ออกว่าซ้ายหรือขวา  แยกไม่ออกว่าบนหรือล่าง  ราวกับโลกกลับหัวกลับหาง


ทันใดนั้น  พื้นเหวถล่มลง  ร่างของเฉินจี้ร่วงลงสู่ความมืด  พอลืมตาขึ้นอีกครั้ง  เขาก็อยู่ท่ามกลางหินหลอมเหลวแล้ว  รอบตัวยังมีคนนับหมื่นเบียดเสียดเนืองแน่น  ดิ้นรนอยู่ในลาวาด้วยกัน  ทนทุกข์จากการถูกเผาไหม้


อึดใจถัดมา  โลกแห่งหินหลอมเหลวก็หายไป  เฉินจี้ร่วงลงไปอีกครั้ง  ตกลงไปในบึงน้ำเย็นจัด  ถูกบีบรัดด้วยความอึดอัดหายใจไม่ออกและความหนาวเหน็บ


เขาอยากรักษาสติของตนไว้  แต่ทุกครั้งที่พยายามครองสติ  ก็จะตกลงไปอีกชั้นหนึ่งของโลก


ทุกครั้งที่ตกลงสู่โลกใหม่  ล้วนทำให้เขาสูญเสียการรับรู้ต่อโลกความจริงไปทีละส่วน  และไม่อาจมองเห็นภาพเลือนรางของห้องโถงใหญ่โรงยาได้อีก


ขณะนั้นเอง  เตาไฟสี่เตา  มีกระแสหลอมเหลวพรั่งพรูออกมา  ไหลท่วมทั่วร่าง  เฉินจี้พบว่ามือทั้งสองข้างของตนขยับได้แล้ว!


กระแสหลอมเหลวเหล่านั้น  พยุงตัวเขาจากโลกบึงน้ำเย็น  พากลับมาสู่โลกหินหลอมเหลว  แล้วจากโลกหินหลอมเหลว  กลับมาสู่โลกเหวลึก  จนในที่สุดก็กลับมาถึงจวนโจว!


จากนั้นก็ค่อยๆ หยุดนิ่ง


แต่ว่า  ขยับได้แค่มือสองข้าง  จะไปมีประโยชน์อันใด  การจะหลุดออกจากความฝันนี้  ยังขาดอีกก้าวเดียว......


ไม่ใช่  ยังมีประโยชน์!


เฉินจี้เหยียดแขนคลำหาเคาน์เตอร์  เขาคลำเจอ  ‘บทสรุปวิชาแพทย์’  แล้วพลิกหนังสือจนเสียงพรึบพั่บ


ครู่ต่อมา


“เฉินจี้?”  เสียงของหลิวฉวีซิงดังขึ้น  ฉีกทะลุความฝัน  และดึงเฉินจี้กลับมาสู่ความเป็นจริงในพริบตา


ฝันสลายไปแล้ว!


เฉินจี้ยืนหอบแผ่วเบาอยู่หลังเคาน์เตอร์  เขาหันไปมองหลิวฉวีซิง  “พี่หลิว  มาได้ยังไง?”


หลิวฉวีซิงคลุมเสื้อคลุมตัวหนึ่ง  ยืนอยู่ข้างเคาน์เตอร์  มองดูบทสรุปวิชาแพทย์ที่ถูกพลิกเละเทะตรงหน้าเฉินจี้  สีหน้าของเขาดูเจ็บปวดรวดร้าว  “เจ้าพลิกหนังสือตอนกลางคืนเสียงดังลั่น  ใครจะไปหลับลง......น้องเฉิน  อย่าอ่านหนังสือตอนกลางคืนอีกเลยได้ไหม  ข้ากลัว......”


เฉินจี้ยิ้มตอบ  “ได้  ข้าไม่อ่านแล้ว”


หลิวฉวีซิงยิ้มหน้าบานทันที  “นี่สิถึงจะถูก  อาจารย์บอกเสมอว่า  ยามไฮ่*ต้องนอนพักผ่อน  จึงจะบำรุงร่างกายได้!” (ยามไฮ่ — สามทุ่มถึงห้าทุ่ม)


เฉินจี้พูดอย่างจริงใจ  “ขอบคุณพี่ที่เตือน”


ครั้งนี้  เขารู้สึกขอบคุณหลิวฉวีซิงจากใจจริง  หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่าย  ตนก็คงยังติดอยู่ในความฝัน


หลิวฉวีซิงดึงแขนเฉินจี้  “พักผ่อนเร็วหน่อย  พวกเราพี่น้องร่วมอาจารย์  มีสุขร่วมเสพ  มีทุกข์ร่วมต้าน  เวลาอาจารย์ตีก็รับไปด้วยกัน!”


อีกฟากหนึ่ง  เมิ่งจีก็ฟื้นจากการนั่งสมาธิ  ลูกตากลอกไปมา


เขามองไปยังหยุนหยางและเจียวถู่  ร่างกายสั่นเทิ้มอยู่ครู่หนึ่ง  แล้วตวาดด้วยความโกรธ  “พวกเจ้าบอกว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาไม่ใช่หรือ  คราวหน้า  ถ้าจะให้ข้าสร้างความฝันกับคนที่มีพรสวรรค์เป็นสิงกวน  ต้องบอกให้ชัดเจนล่วงหน้า  นั่นเป็นราคาอื่น!”


หยุนหยางกับเจียวถู่มองหน้ากัน  พูดด้วยความสงสัย  “พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน  เขามีพรสวรรค์ที่จะเป็นสิงกวนหรือ?”


เมิ่งจีพูดด้วยความโกรธ  “ไม่ผิดแน่นอน  ความฝันชั้นบิ่ง*ขังเขาได้แค่หนึ่งก้านธูปก็ตื่นแล้ว  ความฝันชั้นอี่*ก็ขังเขาได้แค่ครึ่งชั่วยาม” (บิ่ง — ชั้นสาม / อี่ — ชั้นสอง)


ทว่าในใจเขาก็มีความสงสัยบ้าง  ในตอนสุดท้าย  เฉินจี้หลุดจากความฝันได้อย่างไร


หยุนหยางโบกมือ  “อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้  ข้าถามเจ้าก่อน  เฉินจี้เป็นสายลับราชวงศ์จิ่งหรือไม่”


เมิ่งจีพูดด้วยอารมณ์ไม่ดี  “ยืนยันว่าเขาไม่ใช่”


พูดพลางลุกขึ้นปัดก้น  “ค่าตอบแทนล่ะ?  เพิ่มอีกเท่าตัว  และข้ารับแต่เงินตราพุทธเท่านั้น”


หยุนหยางคิดอยู่ครู่หนึ่ง  ในที่สุดก็ถอดสร้อยประคำออกจากข้อมือ  ลูกประคำสีม่วงดำแต่ละเม็ด  สลักลวดลายประหลาด  สลักอักษรตัวเลขเล็กตัวน้อยอัดแน่น


เขาพูดด้วยความเสียดาย  “เงินห้าร้อยตำลึง  ไถ่ได้ทุกวัด”


เมิ่งจีเห็นเหรียญธรรมของพุทธศาสนา  จึงปัดฝุ่นบนตัวอย่างพอใจ  “ตกลง  คราวหน้ามีงานสอบสวนอย่าลืมหาข้านะ”


เจียวถู่กล่าว  “เงินมากขนาดนี้  ซื้อเสื้อผ้าใหม่ได้เท่าไร  กำไลหยกได้กี่วงกัน  ค่าตอบแทนของเป่าโหวต่ำกว่าเจ้า  คราวหน้าพวกเราจะหาเขา”


เมิ่งจีลูบผมแผ่วเบา  แล้วกล่าวอย่างใจเย็น  “งั้นพวกเจ้าก็ไปหาเขาเถอะ  คนปากโป้งแบบนั้น  คงจะรักษาความลับได้อยู่หรอก”


เจียวถู่ยักปาก  “พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแท้ๆ  แต่ทุกคำที่ออกจากปากมีแต่เก็บเงิน  เก็บเงิน  เก็บเงิน”


เมิ่งจีพูดอย่างดูแคลน  “งั้นเจ้าไปช่วยข้าสังหารอู๋ซิ่วโดยไม่คิดค่าตอบแทนไหม?”  


เจียวถู่ถลึงตาใส่เขา  “ไม่ไป”


เมิ่งจีสวมสร้อยประคำดังกล่าวไว้กับข้อมือ  หันตัวโบกแขนอำลา  “ขอตัว  งานที่จวนไคเฟิงเสร็จแล้ว  พรุ่งนี้ข้าจะออกเดินทางไปจินหลิง”


มองแผ่นหลังที่จากไปของเขา  หยุนหยางพูดเสียงเบา  “เฉินจี้มีพรสวรรค์จะเป็นสิงกวนด้วย  งั้นยิ่งต้องไม่ให้อัครเสนาบดีฝ่ายในรู้ถึงการมีอยู่ของเขา……ไม่งั้น  สักวันคงได้ขี่คอพวกเราจริงๆ”


......


......


กลางดึก  เฉินจี้นอนบนเตียงรวม  แต่นอนเท่าไรก็ไม่หลับสักที  ในสมองพลุ่งพล่านด้วยทุกเรื่องราวในระยะหลัง


ทันใดนั้น  เสียงกระซิบกระซาบดังมาจากเตียงข้างเคียง  เขาจึงลืมตาเล็กน้อย  เห็นหลิวฉวีซิงสวมเสื้อคลุม  หนีบหนังสือไว้ใต้รักแร้  ย่องแผ่วเบาลงจากเตียงออกไปข้างนอก


เฉินจี้สงสัยจึงมองผ่านช่องประตู  กลับเห็นหลิวฉวีซิงมุดเข้าไปในครัว  แล้วจุดตะเกียงน้ำมันในครัว......


ไอ้นี่......


เฉินจี้ก็ลุกขึ้นนั่งบ้าง  ยกที่นอนขึ้น  ตรวจดูแท่งเงินเล็กห้าแท่งที่ซ่อนไว้ในรอยแยกของแผ่นไม้  แล้วหยิบหนังสือชื่อ  ‘บันทึกใคร่ครวญใกล้ตัว’ ออกมาจากใต้ที่นอน


นี่คือหนังสือที่อูหยุนช่วยเอากลับมาจากคฤหาสน์หลิวเสินหยู


ตอนนั้นทุกคนสนใจแต่อรรถาธิบายสี่คัมภีร์ที่เฉินจี้ชี้นำ  ไม่มีเวลาไปตรวจสอบความผิดปกติของหนังสือเล่มอื่น


แต่เฉินจี้เพียงแค่เปิดดูสองตา  ก็แน่ใจแล้วว่า  ในหนังสือเล่มนี้ซ่อนเทคนิคการเขียนรหัสลับ  คือวิธีฝ่านเชี่ย


ที่เรียกว่าวิธีฝ่านเชี่ย  คือเอาพยัญชนะต้นของตัวอักษรแรก  กับสระท้ายของตัวอักษรที่สอง  มาประกอบกันเป็นตัวอักษรใหม่  ยกตัวอย่างเช่น  ซือจ่าง  เสียวต้า  จงลั่ว  อีจิ่ว  แปดตัวอักษรนี้  พยัญชนะต้นและสระท้าย  ตรงกับเสียง  ซ่าง  เซี่ย  จั่ว  โหย่ว  สี่เสียงนี้


เฉินจี้อาศัยแสงจางๆ จากนอกหน้าต่าง  นั่งบนเตียงรวม  พลิกดูบันทึกใคร่ครวญใกล้ตัวทีละคำทีละประโยค  ทยอยเรียงลำดับทุกคู่ที่ประกอบเป็นตัวอักษรใหม่


พลิกดูไปเกินครึ่งเล่มเล็กน้อย  เขาก็ปะติดปะต่อตัวอักษรเหล่านั้นเข้าด้วยกันในใจ  ‘ราชวงศ์จิ่งไม่เชื่อว่า  ข้าส่งสารแทนจวนอ๋อง  ต้องยืนยันกับท่านด้วยตนเอง’


รูม่านตาของเฉินจี้หดเล็ก  ข้อมูลที่ต้องการส่งต่อในหนังสือเล่มนี้  ร้ายแรงกว่าอรรถาธิบายสี่คัมภีร์  กลับเกี่ยวข้องโดยตรงกับภายในจวนจิ้งอ๋อง


โจวเฉิงอี้เป็นสายลับราชวงศ์จิ่ง  เขาเป็นตัวแทนราชวงศ์จิ่งส่งข่าวให้หลิวเสินหยู


และหนังสือเล่มนี้ในบ้านหลิวเสินหยู  จะส่งไปให้ผู้มีอำนาจคนหนึ่งในจวนอ๋อง  หลิวเสินหยูคือศูนย์กลางข่าวกรองระหว่างราชวงศ์จิ่งกับผู้มีอำนาจคนหนึ่งในจวนจิ้งอ๋อง!


ตอนแรกที่หยุนหยางให้เฉินจี้กัดเอาจวนจิ้งอ๋อง  เฉินจี้ยังคิดว่าอีกฝ่ายจะใส่ร้ายป้ายสี  นึกไม่ถึงเลย  คำพูดของหยุนหยางจะเป็นจริง  จวนจิ้งอ๋องกับราชวงศ์จิ่งมีการติดต่อกันจริง!


ดวงตาเฉินจี้แจ่มใสเป็นประกาย  ทั้งราชวงศ์หนิงและราชวงศ์จิ่ง  ไม่มีความหมายใดกับเขา  ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่สำคัญ  สำคัญที่สุดคือเขาสามารถกุมความได้เปรียบไว้ได้


เขาถอดรหัสครึ่งหลังของหนังสือเล่มนี้ต่อ  จนกระทั่งฟ้าใกล้สาง  จึงได้ข้อมูลส่วนหลัง  ‘สายลับในจวนอ๋องจะหาโอกาสพบกับท่าน’


เฉินจี้ตกตะลึง


ในจวนอ๋องมีสายลับกรมข่าวกรองทหาร  เป็นใครกัน?!


เดี๋ยวก่อน  สายลับในจวนอ๋องคนนั้น  จะเป็นคนในโรงยาไท่ผิงหรือไม่?


ก่อนหน้านี้อาจารย์ใช้วิชาหกเหยาทำนาย  ลางบอกว่า  ออกไปรักษาคนไข้จะเป็นลางร้าย  ผลปรากฏว่า  อาจารย์ไปกับคนตระกูลหลิวตั้งแต่เช้าตรู่วันเดียวกัน......


ดูจากนี้แล้ว  อาจารย์กับตระกูลหลิวเหมือนมีสัมพันธ์อันดี  หรือว่าอาจารย์ไม่ได้ไปรักษาโรค  แต่ไปแลกเปลี่ยนข่าวกรอง?


อย่าบอกนะว่าอาจารย์คือสายลับราชวงศ์จิ่ง?!


เดี๋ยวก่อน  พฤติกรรมที่หลิวฉวีซิงเก็บเสื้อผ้าสกปรกไม่ยอมซัก  ดันจะเอาไปให้แม่  อาจจะแอบซ่อนข่าวกรองไว้ในเสื้อผ้า......


เฉินจี้รู้สึกขำกับการคาดเดาของตัวเอง  ช่วงนี้ประสาทตึงเครียดมากเกินไป  จนมองใครก็เหมือนเป็นสายลับไปเสียหมด


คิดถึงตรงนี้  เขาโผล่ตัวออกมาครึ่งหนึ่งจากเตียงรวม  แอบเปิดประตูแง้มเป็นรอยแยก  มองไปยังครัวฝั่งตรงข้าม


ขณะเดียวกัน  หลิวฉวีซิงถือหนังสืออยู่ในมือ  กำลังโผล่ตัวออกมาจากครัว  แอบมองไปยังห้องนอนเด็กฝึก  ดูว่ามีใครเห็นตัวเองแอบอ่านหนังสืออยู่หรือไม่......


สี่ดวงตาประสานกัน


หลิวฉวีซิง  “......”


เฉินจี้  “......”


คนทั้งสองหดตัวกลับเข้าไปอย่างเงียบเชียบ  มีเพียงเซ่อเติงเค่อที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง  โดยปราศจากความกังวลใดๆ


(จบตอน)  

______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน: -
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#พระเอกเทพ #นิยายแฟนตาซี #qingshan

Previous Next

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 0001 กลับสู่ศูนย์

ตอนที่ 0007 บุพการี

ตอนที่ 0010 ตำหนักหวั่นซิง