ตอนที่ 0034 ชื่อเสียงลาภยศคือมีด



ในห้องเก็บยาอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด  สือเฉาไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่  มือขวาใช้มีดสั้นบดหัวใจเจ้าของร้านหยวน  ขณะที่มือซ้ายบีบคางอีกฝ่าย  บังคับให้ใบหน้าอ้วนท้วมหันไปทางเฉินจี้


ส่งผลให้เมื่อเจ้าของร้านหยวนตาย  เฉินจี้เห็นความหวาดกลัวและความแค้นของอีกฝ่ายเต็มสองตา


สือเฉาสังเกตสีหน้าเฉินจี้  เอ่ยชื่นชมขึ้นมา “ ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่เคยฆ่าคนมาก่อน  ทีนี้ต้องเข้าหาหยุนหยางกับเจียวถู่  จึงฆ่าคนล่วงหน้าเพื่อช่วยเจ้า  ‘เปิดทาง’  ไม่นึกเลยว่าจะเกินความจำเป็น”


พอพูดจบ  เจ้าของร้านหยวนก็สิ้นลมหายใจ


เฉินจี้เห็นกระแสน้ำแข็งสีขาวหม่นพุ่งออกจากหว่างคิ้วอีกฝ่าย  แหวกว่ายเข้าสู่หว่างคิ้วของตน  น้อยกว่าที่ได้จากโจวเฉิงอี้เล็กน้อย


ใช่แล้ว!


เขารอกระแสน้ำแข็งนี้มาตลอด  เพื่อยืนยันการคาดเดาของตน  ไม่เพียงขุนนางราชวงศ์หนิงจะเกิดกระแสน้ำแข็ง  ราชวงศ์จิ่งก็เกิดได้เช่นกัน


เมื่อกระแสน้ำแข็งไหลเข้าสู่ร่างกาย  หินในใจเฉินจี้ก็ตกลงสู่พื้น  เขาพูดขึ้นทันใด  “ท่านสือเฉา  ท่านไม่ควรฆ่าเจ้าของร้านหยวน”


สือเฉาตอบเรียบเรื่อย  “เข้ากรมข่าวกรองข้า  ต้องทิ้งใจเมตตาแบบผู้หญิง  ทีนี้ภารกิจเจ้านับว่าสำคัญยิ่ง  เขาเกรงว่าลูกขุนนางอย่างเจ้าจะแย่งตำแหน่งไห่ตงชิง (เหยี่ยวทะเล) ที่ว่างจากโจวเฉิงอี้  ย่อมขัดขาทั้งลับทั้งแจ้ง  มีใจส่วนตัวเช่นนี้  ไม่ควรไว้ชีวิต”


เฉินจี้ส่ายหน้า  “ท่านสือเฉา  ข้าไม่ได้สงสารเขา  ที่อยากจะพูดคือ  เขายังไม่ทันบอกท่านว่าคืนนี้ยามใด  ที่ไหน  จะไปพบ  ‘ฉางจิง’ (วาฬเฒ่า)  เลย”


สือเฉานิ่งเงียบนาน  “...ไม่เป็นไร”


เขามองเฉินจี้  “ขณะเข้าหาหยุนหยางกับเจียวถู่  อย่าลืมภารกิจเดิมของเจ้า  หากจวนอ๋องกับตระกูลหลิวแสดงความจริงใจเพียงพอ  ท่านหัวหน้ากรมจะพบผู้ใหญ่จวนอ๋อง  ปรึกษาความร่วมมือขั้นต่อไป  เจ้าต้องหาโอกาสเข้าหาผู้ใหญ่ท่านนั้นอีก  ถามว่าจะส่งของเมื่อไร”


เฉินจี้ใจกระตุก


ผู้ใหญ่?  ผู้ใหญ่คนไหน?


พูดชื่อตรงๆ ไม่ได้หรือไร  ข้ายังไม่รู้เลยว่าผู้ใหญ่คนนี้เป็นใคร  จะติดต่อยังไง?


ดูจากท่าทีแล้ว  เฉินจี้เอนเอียงว่าผู้ใหญ่คนนี้คือหยุนเฟย


ประการแรก  คืนนั้นที่ตำหนักหวั่นซิง  หยุนเฟยแสดงท่าทีแง่บวกกับตนชัดเจน  ส่วนจิ้งเฟยกับแม่นมชุนหรงคิดจะฆ่าตนจริงๆ


ประการที่สอง  หลังจากนั้นหยุนเฟยเคยใช้ซีปิ่งอุ้มไป๋โป๋เหร่มาโรงยา  นี่อาจเป็นวิธีที่หยุนเฟยอยากแลกข่าวกับตน


คิดถึงตรงนี้  เฉินจี้นึกถึงครั้งที่ซีปิ่งมาโรงยา  ตนไม่เพียงไม่เปิดเผยข่าวใดๆ ยังให้โสมห้าสิบปีแก่แมวไปอีก...


หากหยุนเฟยเป็นผู้ใหญ่คนนั้นจริง  คงงุนงงมากแน่...


สือเฉาเห็นเฉินจี้ไม่พูด  จึงถามเสียงเข้ม  “เป็นไร  มีปัญหาอะไรหรือ?”


“ไม่มี”  เฉินจี้ประนมมือลาสือเฉา  “ท่านสือเฉา  วันนี้ข้ามาซื้อโสมตามคำสั่งอาจารย์  อยู่นานไม่ดี”


สือเฉาพยักหน้า  พลางใช้ผ้าเช็ดเลือดบนมือ  พูดไปด้วย  “โสมมีของพร้อม  ไปจ่ายเงินที่ห้องโถงแล้วเอาไปได้เลย”


เฉินจี้ถาม  “ข้าขอส่วนลดได้ไหม?”


สือเฉางง  “เจ้าใช้เงินโรงยาไท่ผิงมาซื้อโสม  จะเอาส่วนลดไปทำไม?  รู้ไหมว่าสายลับราชวงศ์จิ่งกี่คนอาศัยหอไป๋ลู่เลี้ยงชีพ  อย่าเอาเปรียบพวกเดียวกันเพื่อคนนอก”


เฉินจี้  “...มีเหตุผล”


ออกจากหอไป๋ลู่  เฉินจี้ถอนหายใจยาว


ด่านแล้วด่านเล่า  ก้าวยากก้าวลำบาก  ก็ต้องก้าวต่อไป


ไม่ว่ากรมข่าวกรองราชวงศ์จิ่งหรือกรมสืบลับ  เขาไม่มีทางเลือก


พอเขาหายเข้ากลุ่มคน  ชั้น 2 หอไป๋ลู่  สือเฉายืนนิ่งหลังหน้าต่าง  ไม่รู้ถามใคร  “แน่ใจว่าไม่มีคนตาม?”


เสียงหนึ่งตอบ  “ไม่มี  บางทีหยุนหยางกับเจียวถู่อาจไว้ใจเขาจริงๆ”


สือเฉาครุ่นคิดนาน  “มาดูกันเขาจะพิสูจน์ความจงรักภักดีได้จริงหรือไม่...”


...


...


เมืองหลวง  ในพระราชวัง


ยอดหอสูงของกรมพิธีการ  ที่พักเฉพาะขันทีใหญ่ผู้ถือตรา  กลางวันแสกๆ กลับปิดประตูหน้าต่าง  จุดเทียนข้างใน


ขันทีวัยกลางคนหน้าขาวไร้หนวดเครา  ยกชายเสื้อด้วยมือเดียว  เร่งฝีเท้าในวัง


ชายวัยกลางคนสวมชุดเขียวคลุมลายมังกรตัวเดียว  ดูมีบารมี


ชุดลายมังกรราชวงศ์หนิงแบ่งเป็นสองแบบ  มังกรตัวเดียวกับมังกรนั่ง  ต้องได้รับพระราชทานจากจักรพรรดิ  ผู้มีตำแหน่งสูงเท่านั้นจึงสวมได้


นอกหอขันทีใหญ่  ทหารองครักษ์ยืนเรียงราย  ชุดดำ  นิ่งเงียบ


พอชายชุดมังกรมาถึง  บอกทหารคนหนึ่ง  “ข้าขอเข้าพบเสนาบดีฝ่ายใน”


ทหารคาบดาบยาว  ปักแขนเสื้อคำว่า  ‘เจี่ยฝาน’ (ขจัดปัญหา) คนหนึ่งใช้ภาษามือถาม:  เรื่องอะไร?


ทหารเหล่านี้ฟังได้แต่พูดไม่ได้


ชายชุดมังกรพูด  “เมืองหลัวส่งจดหมายนกพิราบมาสามฉบับ”


ทหารหันกลับหลัง  เดินขึ้นไปแจ้ง  ครู่หนึ่งก็กลับมาทำท่าเชิญ


ชายชุดมังกรเดินขึ้นบันไดไม้  มาถึงประตูชั้นบนสุดเคาะสามครั้ง  “อัครเสนาบดีฝ่ายใน  อู๋ซิ่วมีเรื่องสำคัญทูล  เมืองหลัวมีข่าว”


ได้ยินเสียงกระดิ่งทองแดงดังจากในห้อง  อู๋ซิ่วจึงผลักประตูเข้าไป


เข้าไปในห้องแต่ไม่เห็นตัวเสนาบดีฝ่ายใน  ห้องมืดสลัว  โต๊ะถูกฉากกั้นบังไว้  บนฉากปักมังกรนั่ง  จ้องมองผู้มาเยือน


หากเพิ่งเคยมาครั้งแรก  คงตกใจกับมังกรยักษ์นี้ไม่เบา


อู๋ซิ่วยืนนอกฉาก  ก้มศีรษะเอ่ย  “นายท่าน  เมืองหลัวส่งจดหมายมาสามฉบับ  จากหลินเฉาชิงกรมอาญา  หยุนหยางกรมสืบลับ  เมิ่งจีกรมสืบลับ  ท่านจะเปิดฉบับไหนก่อน?”


หลังฉากเงียบไปนาน  ทว่าอู๋ซิ่วผู้สวมชุดมังกรมีตำแหน่งสูงกลับไม่กล้าเงยหน้า


ไม่รู้นานเท่าไร  คนหลังฉากเขียนหนังสือไปพลาง  พูดเนิบนาบ  “กรมอาญา”


อู๋ซิ่วรีบหยิบไม้ไผ่เล็กผนึกขี้ผึ้งสามแท่งจากแขนเสื้อ  เปิดแท่งแรก  ดึงกระดาษขาวม้วนออกมา


คลี่กระดาษ  เห็นตัวหนังสือเต็มแผ่น  ผ่านไปครู่หนึ่ง  อู๋ซิ่วเอ่ยอย่างแปลกใจ  “นายท่าน  หยุนหยางกับเจียวถู่หาหลักฐานเอาผิดหลิวเสินหยูได้แล้ว”


ในความมืดหลังฉาก  มีคนอ้อเบาๆ  “สองคนนั้นน่ะหรือ?”


อู๋ซิ่วรีบพูด  “ข้าก็คิดว่าสองคนนี้ทำงานสะเพร่า  ไม่เท่าส่งจินจู (สุกรทอง) ไป”


แต่เสนาบดีฝ่ายในหลังฉากไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ  นิ่งไปนาน  อู๋ซิ่วตื่นตระหนกย่อตัวต่ำลง  “ข้าน้อยพูดมากไปแล้ว”


ในความมืด  มีคนพูด  “ต่อไป”


อู๋ซิ่วอ่านกระดาษต่อ  เงยหน้า  “ไม่ใช่หยุนหยาง (แกะเมฆา) กับเจียวถู่ (กระต่ายผ่อง) ทำสำเร็จ  หลินเฉาชิงบอกว่ามีคนสวมหน้ากากช่วยหาหลักฐาน  ตอนนั้นเหตุการณ์เร่งด่วน  ช้าอีกนิด  หลินเฉาชิงจะจับหยุนหยางกับเจียวถู่กลับเมืองหลวงแล้ว”


“คนสวมหน้ากากเป็นใคร?”


“หลินเฉาชิงไม่รู้  เขาบอกแค่ว่าคนนี้ช่วยหยุนหยางกับเจียวถู่หาร้านกระดาษสาก่อน  แล้วช่วยหาหลักฐานผิดหลิวเสินหยู...จดหมายเขียนแค่นี้  ต่อไปเปิดฉบับไหน?”


“หยุนหยาง”


อู๋ซิ่วพับแขนเสื้อมังกร  เปิดไม้ไผ่อีกอันแกะขี้ผึ้ง  แล้วลังเล  “หยุนหยาง  เจียวถู่อวดตัวเองลอยฟ้า  แต่ไม่พูดถึงคนสวมหน้ากากเลยสักคำ”


เสนาบดีฝ่ายในหลังฉากนิ่งครู่  “ไอ้สองตัวนี่ใจกล้าจริง  คิดจะขโมยความดีความชอบคนอื่นอีกแล้ว”


อู๋ซิ่วอ่านต่อ  ขมวดคิ้ว  “นายท่าน  หยุนหยางกับเจียวถู่เปิดโลงตรวจศพ  พบว่าในโลงผู้เฒ่าหลิวไม่มีคน  อาจยังไม่ตาย  ตระกูลหลิวใจกล้านัก  เรื่องนี้ยังกล้าปลอมแปลง”


เขาแอบเงยตา  อยากดูปฏิกิริยาเสนาบดีฝ่ายในผ่านฉาก  แต่เห็นแค่เงาเลือนราง


เสนาบดีฝ่ายในหลังฉากหยุดพู่กันที่กำลังเขียนหนังสือเป็นครั้งแรก  ลอยอยู่เหนือกระดาษ  “หยุนหยางกับเจียวถู่คิดทำอะไร?”


อู๋ซิ่วตอบ  “หยุนหยางกับเจียวถู่ขอเรียก ‘องครักษ์เจี่ยฝาน’ ของกรมสืบลับในละแวกใกล้เคียงไปเมืองหลัว  เปิดโลงตรวจศพต่อหน้าคนทั้งเมือง  เปิดโปงตระกูลหลิว  นายท่าน  ตระกูลหลิวเพิ่งทูลฝ่าบาท  ขอพระราชทานยศให้ผู้เฒ่าหลิว  ถ้าเรื่องนี้จริง  นี่เป็นการหลอกลวงเบื้องสูงแล้ว!”


เสนาบดีฝ่ายในนิ่งคิด


อู๋ซิ่วพูดอีก  “นายท่าน  นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง”


เสนาบดีฝ่ายในเอ่ย  “ให้หยุนหยางกับเจียวถู่ประสานองครักษ์เจี่ยฝานเอาเอง  กรมพิธีการของข้าไม่รู้เรื่อง  ทำลายกระดาษทิ้ง”


นั่นคือ  ไม่ว่าหยุนหยางกับเจียวถู่จะทำอะไร  ล้วนเป็นการตัดสินใจเอง


สำเร็จก็สำเร็จไป  พลาดก็ให้สองคนนี้เป็นแพะรับบาป


ทันใด  อู๋ซิ่วขยำกระดาษเป็นก้อน  ต่อหน้าเสนาบดีฝ่ายใน  กลืนลงท้องอย่างชำนาญ


กลืนกระดาษแล้ว  จึงพูดต่อ  “นายท่าน  ยังมีจดหมายเมิ่งจี (ไก่ฝัน) อีกฉบับ  ข้ากำลังเปิด……เขาไม่ได้อยู่จวนไคเฟิงหรือ  ทำไมใช้นกพิราบเมืองหลัว?”


ครู่หนึ่ง  อู๋ซิ่วหยิบกระดาษ  “นายท่าน  เมิ่งจีบอกว่าหยุนหยางกับเจียวถู่จ่ายเงินหนักเชิญเขาไปเมืองหลัว  ใช้ฝันตรวจชั้นบิ่งกับเฉินจี้เด็กฝึกหมอหลวงเหยา  ว่าเป็นสายลับราชวงศ์จิ่งหรือไม่  เรื่องนี้แปลก  แค่ตรวจเด็กฝึกตัวเล็กๆ  ทำไมถึงต้องให้เมิ่งจีไปเองด้วย?”


อู๋ซิ่วเห็นเสนาบดีฝ่ายในไม่ตอบนาน  จึงกล้าเงยหน้าถาม  “นายท่าน?”


เสนาบดีฝ่ายในพูดเสียงเรียบ  “เด็กฝึกหมอหลวงเหยาคนนี้  คือคนสวมหน้ากากที่ช่วยพวกเขาจับสายลับ  เขียนจดหมายถึงหยุนหยาง  ให้เขาส่งข้อมูลเด็กฝึกคนนี้มาให้ข้า”


“ขอรับ”  อู๋ซิ่วค้อมตัวอีกครั้ง  “นายท่าน  ไป๋หลง (มังกรขาว) สืบได้ว่า  รัชทายาทจวนจิ้งอ๋องกำลังเดินทางจากสำนักตงหลินกลับเมืองหลัว  คนผู้นี้รวบรวมจอมยุทธได้จำนวนหนึ่ง  ในนั้นมีสิงกวนใหญ่ที่สำนักพิธีการขึ้นทะเบียนไว้ไม่น้อย  นายท่านมองว่า  เราควรทำอะไรบ้างไหม  เพื่อไม่ให้เขาเติบโต?”


ในความมืดหลังฉาก  เสนาบดีฝ่ายในตอบเรียบเฉย  “ไม่เป็นไร  แค่จอมยุทธเท่านั้น  ข้าใช้ชื่อเสียงลาภยศเป็นมีด  ฟันวิญญาณจอมยุทธทั่วหล้าได้เก้าในสิบส่วน”


(จบตอน)  


ปล. เพิ่งเอะใจว่าชื่อพวกนี้เป็นฉายาที่เกี่ยวกับสิบสองนักษัตร จึงขอวงเล็บคำแปล แต่จะคงเสียงอ่านของต้นฉบับเอาไว้


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน: 0037
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#พระเอกเทพ #นิยายแฟนตาซี #qingshan

Previous Next

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 0001 กลับสู่ศูนย์

ตอนที่ 0007 บุพการี

ตอนที่ 0010 ตำหนักหวั่นซิง