ตอนที่ 0039 ใส่ร้าย



ออกจากจวนจิ้งอ๋องมาได้  ตะวันก็ลาลับขอบฟ้าแล้ว


ซีปิ่งยืนโบกมือลาอยู่หน้าประตูจวน  เฉินจี้ยืนบนถนนอันซี  หัวใจหนักอึ้ง


เดินท่ามกลางแสงสุดท้ายของวัน  ได้กลิ่นหอมจากครัวเรือนสองข้างทาง  เขาจึงรู้สึกโล่งอกขึ้นมาบ้าง


อูหยุนโผล่หัวจากชายคา  กระโดดข้ามอากาศเข้าอ้อมอก  “ใครตีไป๋โป๋เหร่?  ไม่ใช่ข้านะ!”


เฉินจี้ยิ้มลูบหัวมัน  “ไม่มีใครตีหรอก  แค่ข้ออ้างของหยุนเฟยที่จะเรียกข้าเข้าจวน”


พูดจบก็พึมพำกับตัวเอง  “ตอนนั้นหยุนเฟยบอกว่า  แก้วตะกั่วแบเรียมของจิ้งเฟย  พี่น้องฝ่ายมารดาเป็นคนให้  ข้าเลยไม่คิดอะไร  แต่ดูความสัมพันธ์จิ้งเฟยกับตระกูลหลิวตอนนี้  เป็นไปได้ว่ามีคนจงใจ... พักนี้นางสาปแช่งคนตระกูลหลิวบ้างไหม?”


“ประจำ  สาปพี่ชายนาง  หลิวหมิงเสี่ยน  ด่าสกปรกเชียวล่ะ”


“นึกแล้วเชียว”  เฉินจี้ถอนใจ  “ตอนนั้นข้ามัวแต่คิดตามเหตุผล  ไม่ได้คิดลึกถึงธรรมชาติมนุษย์  จริงอย่างว่า  มนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึง  แต่ข้าไม่ได้ทำผู้เฒ่าหลิวตาย  แก้วก็ไม่ใช่ข้าส่ง  หลิวเสินหยูข้าก็ไม่ได้ฆ่า  นางไม่ไปแก้แค้นตระกูลหลิวกับกรมสืบลับ  มาเล่นงานข้าทำไม……อ๊ะ!  หลิวเสินหยูก็เป็นตระกูลหลิวฆ่าปิดปาก  ตระกูลหลิวใจอำมหิตเหลือเกิน!”


เฉินจี้สูดลมหายใจเย็นเยียบ  ทบทวนเบาะแสทั้งหมด  พลันตระหนักว่าตระกูลหลิวช่างมือหนัก  แม้แต่คนของตนก็ไม่เห็นแก่สายเลือด  “ผู้เฒ่าหลิวในโลง  เขาคงไม่ได้ฆ่าสดๆ  หรอกกระมัง?!”


อูหยุนนับถือ  “โหดจริง!”


ความโหดนี้ได้ผลไหม?  ได้สิ  ถ้าไม่โหดขนาดนี้  หยุนหยางกับเจียวถู่คงไม่ต้องติดคุก  กลับเป็นตระกูลหลิวต่างหากที่จะมีความผิดหลอกลวงเบื้องสูง


กลับถึงโรงยา  หมอเฒ่าเหยานั่งหลังโต๊ะบัญชี  ตาจ้องบัญชี  มือดีดลูกคิด  ท่าทางเหมือนเจ้าเล่ห์แต่คิดเลขไม่ออก...


เฉินจี้ยิ้มแหย่  “อาจารย์  โยนเหรียญทำนายบัญชีเสียเลยสิ  จบง่ายดี”


หมอเฒ่าเหยาถลึงตา  “อย่าพูดจาไร้สาระ  มันคันหนังก้นหรือไง  การทำนายใช้ได้แต่กับทิศทาง  จะให้ทำนายเศษสตางค์ได้ยังไง?”


“พี่ๆ  ล่ะ?”  เฉินจี้ถามด้วยความสงสัย


“ทำกับข้าวอยู่หลังบ้าน”  หมอเฒ่าเหยาเหลือบมอง  “ไม่ใช่ไปรักษาแมวหรือไง  ไม่ได้จ่ายยาให้มันเลยหรือ?”


“ไม่ได้จ่าย...”


หมอเฒ่าเหยายิ้มเย็น  “นึกว่าเจ้าทำอะไรรอบคอบ  ต่อให้มันไม่เจ็บไม่ป่วย  เจ้าก็ต้องจ่ายยาแผลถูกๆ  ให้มัน  คิดเงินกับจวนอ๋อง  เล่นละครต้องเล่นให้สุด  ไม่งั้นวันหน้าจะถูกเขาจับได้”


เฉินจี้นิ่งไปครู่  “ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ชี้แนะ  ขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่า  พรุ่งนี้ข้าจะส่งว่านงูไปให้”


เมื่อเดินไปทางลานหลัง  ในครัวมีแต่หลิวฉวีซิงกำลังซาวข้าวต้มโจ๊ก  ไม่เห็นเซ่อเติงเค่อ


ขณะเฉินจี้จะไปห้องนอนเด็กฝึก  เซ่อเติงเค่อก็ผลักประตูออกมาพอดี


เซ่อเติงเค่อเห็นเฉินจี้ก็สะดุ้ง  “อ๊ะ……เจ้าไม่ได้ไปจวนอ๋องหรือ?”


เฉินจี้ตอบ  “แมวขาวบาดเจ็บไม่หนัก  ข้าดูเสร็จก็กลับมา  พี่เซ่อเข้าไปทำอะไรในห้องหรือ?”


“ข้าแค่เปลี่ยนเสื้อผ้า  ไปกันเถิด  ช่วยเด็ดผัก  เดี๋ยวทำกับข้าวช้าจะโดนอาจารย์ด่าอีก”  เซ่อเติงเค่อดึงเฉินจี้ไปทางครัว


แต่ขณะนั้นเอง  นอกโรงยามีเสียงฝีเท้าเป็นระเบียบดังแว่ว  พร้อมด้วยเสียงเกราะเหล็กกระทบกัน  บ่งบอกว่าทหารกำลังเดินมา


เฉินจี้สัมผัสได้ว่า  มือเซ่อเติงเค่อที่จับแขนตนกำแน่นขึ้นทันที  เหงื่อในอุ้งมือชุ่มจนซึมผ่านเสื้อผ้า


หมอเฒ่าเหยาเดินไปหน้าประตู  ขมวดคิ้วถาม  “แม่นางชุนหวา  แม่ทัพหวัง  มาขวางประตูโรงยาไท่ผิงคิดจะทำอะไร?”


เฉินจี้สลัดมือเซ่อเติงเค่อแล้วเดินออกไป  หลิวฉวีซิงถือทัพพีวิ่งออกมาจากครัว  “มีอะไร  เกิดอะไรขึ้น?”


หน้าโรงยาไท่ผิง  ชุนหวาวันนี้แต่งตัวเรียบง่ายเป็นพิเศษ  สวมหรูฉวินสีเขียวอ่อน  ไม่มีเครื่องประดับแม้แต่ชิ้นเดียว  ผมเพียงเกล้าด้วยปิ่นไม้


ชุนหวาทำท่าลังเลพูดไม่ออก  ข้างกายนาง  ทหารจวนอ๋องถือหอกยาว  สวมเกราะเหล็กหนัก  ผู้นำท่าทางดุดัน  สายตาคมกริบ


เฉินจี้ยิ้มถาม  “แม่นางชุนหวา  นี่มาทำอะไรกัน?”


แต่แล้วก็ได้ยินชุนหวากล่าวกับท่านแม่ทัพหวังผู้นำทหารจวนอ๋อง  “ท่านแม่ทัพหวัง  เมื่อหลายวันก่อนนี้  นายหญิงของข้าทำไข่มุกทะเลใต้ที่อ๋องประทานให้หาย  พวกเราตรวจค้นสาวใช้ตำหนักหวั่นซิงของเราเองก่อนแล้ว  แต่ไม่พบร่องรอยของไข่มุกนั่นเลย  ภายหลังลองมาคิดดู  ก็มีเพียงเด็กฝึกโรงยาชื่อเฉินจี้ผู้นี้คนเดียว  ที่เคยเข้าออกตำหนักหวั่นซิง  ยังเคยรื้อค้นข้าวของของนายหญิงข้าด้วย!”


เฉินจี้ขมวดคิ้ว  จิ้งเฟย!


จิ้งเฟยผู้นี้  หลังจากสูญเสียบุตรและหลานชาย  การแก้แค้นก็มาอย่างรุนแรงรวดเร็ว  ไม่รอแม้แต่ข้ามคืน!


แม่ทัพหวังจ้องมองเฉินจี้ด้วยสายตาเย็นชา  “เจ้ามีข้อแก้ตัวหรือไม่  พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ไหม?”


เฉินจี้นิ่งเงียบครู่หนึ่ง  กล่าวอย่างสงบ  “คนอื่นใส่ร้ายข้าว่าขโมยของ  เรื่องเช่นนี้ยากนักที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์”


บนถนนอันซี  เจ้าของร้านและลูกจ้างจากร้านรวงรอบข้าง  ต่างแอบมองอยู่ตรงประตู  ทุกร้านกำลังจะปิด  แต่ไม่นึกว่าจะได้ชมละครใหญ่


มีคนกระซิบกระซาบแผ่วเบา  “หมอน้อยเฉินจากโรงยาไท่ผิงขโมยของจากจวนอ๋องหรือ?”


“ได้ยินว่าเป็นไข่มุกทะเลใต้ที่จิ้งอ๋องประทานให้พระสนม  ข้าเคยได้ยินเรื่องของสิ่งนี้  เม็ดหนึ่งใหญ่เท่าลูกลำไย  เม็ดเดียวขายได้หลายร้อยตำลึงเงิน!”


......


......


เฉินจี้ฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้าง  สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน


แม่ทัพหวังจ้องมองเขานาน  ในที่สุดกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  “จับเด็กฝึกผู้นี้ไว้  เข้าไปค้นเรือน!”


พูดจบ  ทหารสองนายประกบซ้ายขวาจับแขนเฉินจี้  แขนทหารราวกับห่วงเหล็ก  รัดแขนทั้งสองของเฉินจี้แน่นจนขยับไม่ได้  บีบจนเจ็บแปลบ


ชุนหวาตามทหารเข้าไปในโรงยา  “ท่านแม่ทัพหวัง  ข้าขอตามไปหาด้วย  ข้าเคยเห็นไข่มุกเม็ดนั้น  ย่อมจำได้ดี”


เฉินจี้มองนางเข้าไปในโรงยา  ดึงลิ้นชักตู้ยาออกมาทีละใบ  รื้อค้นจนยาสมุนไพรระเนระนาด


หมอเฒ่าเหยาจ้องมองอย่างเย็นชา  “แม่ทัพหวัง  หากโรงยาไท่ผิงของข้ามีโจรจริง  ข้าจะลาออกกลับบ้านเกิด  ไม่ย่างกรายเข้าเมืองหลัวอีกเลย  แต่หากโรงยาไท่ผิงของข้าไม่มีโจร  ท่านจะว่าอย่างไร?”


แม่ทัพหวังประสานมือให้เขาในระยะห่าง  “หมอหลวงเหยา  ข้าก็แค่ปฏิบัติตามคำสั่ง  แม่นางชุนหวานำป้ายเอวของจิ้งเฟยมา  ข้าต้องทำหน้าที่จับโจร  อีกอย่าง  ใจคนลึกล้ำเหมือนก้นสมุทร  ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าเด็กฝึกของท่านไม่ใช่โจร?”


หมอเฒ่าเหยาพลันถอนหายใจด้วยความโกรธ  “ข้ายืนยันว่าเขาไม่ใช่!”


เฉินจี้มองหมอเฒ่าเหยาด้วยความประหลาดใจ  ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะออกหน้าแทนตนในเวลาเช่นนี้


ขณะพูดกันอยู่นั้น  ชุนหวาเข้าไปในลานหลังแล้ว  นางค้นครัวก่อน  จากนั้นเข้าไปในห้องนอนเด็กฝึก


เห็นนางรื้อค้นบนเตียงนอนอยู่ครู่หนึ่ง  สุดท้ายจับจ้องไปยังตู้เสื้อผ้าของเด็กฝึก


เฉินจี้เข้าใจกระจ่างทันที  การที่อีกฝ่ายค้นจุดอื่นก่อนหน้า  ล้วนเป็นเพียงการแสดง  ตรงนี้ต่างหากคือเป้าหมายแท้จริงของนาง


ชุนหวารู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่า มีไข่มุกอยู่ในตู้!


เฉินจี้มองไปยังเซ่อเติงเค่อ  เห็นร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายกระวนกระวายไม่สงบ  มือทั้งสองบิดเข้าหากัน  ริมฝีปากไร้สีเลือด


เซ่อเติงเค่อเห็นเฉินจี้มองมา  รีบหลบสายตา  ไม่กล้าสบตาด้วย


นี่คือการวางแผนใส่ร้ายของเซ่อเติงเค่อกับชุนหวา!


เฉินจี้ขมวดคิ้ว  แต่เซ่อเติงเค่อไม่เคยออกจากโรงยาเลย  วันนี้ชุนหวาก็ไม่ได้มาโรงยา  พวกเขาส่งข่าวและไข่มุกให้กันได้อย่างไร?


เฉินจี้กวาดตามองรอบตัว  ลานหลังโรงยานี้กับจวนอ๋องมีเพียงกำแพงกั้น  พูดอีกฟากกำแพง  ลานหลังก็ได้ยิน


กำแพงไม่สูงนัก  การโยนไข่มุกข้ามมาก็ไม่ใช่เรื่องยาก


เฉินจี้ถามขึ้นทันใด  “พี่เซ่อ  ท่านชอบชุนหวาหรือ?”


เซ่อเติงเค่อชะงักไป  ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว  “อะ?  เจ้าพูดอะไร  ข้าไม่เห็นจะเข้าใจเลย”


เฉินจี้ส่ายหน้า  “ไม่มีอะไร...”


หลิวฉวีซิงด้านข้างมองเฉินจี้ด้วยความเป็นห่วง  “เจ้าไม่ได้ขโมยของจริงๆ  ใช่ไหม?”


เฉินจี้ปฏิเสธ  “ไม่เคย  ข้าจะไม่ลักเล็กขโมยน้อยไปชั่วชีวิต”


หลิวฉวีซิงได้ยินเขาพูดเช่นนั้นก็เชื่อ  แต่หลิวฉวีซิงรู้สึกชัดเจนว่า  ชุนหวามั่นใจเต็มเปี่ยม  แน่ใจอย่างยิ่ง


เขาหันไปมองอาจารย์  “อาจารย์  ท่านรีบพูดอะไรสักคำเถอะ”


หมอเฒ่าเหยากลับนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำใด  หากค้นพบหลักฐานจริง  ใครก็ช่วยเฉินจี้ไม่ได้


ขณะนั้น  ทหารออกมาจากเรือนหลักของหมอเฒ่าเหยา  ส่ายหน้าให้ท่านแม่ทัพหวัง


ทุกสายตาจับจ้องไปยังชุนหวาในห้องนอนเด็กฝึก  ชุนหวารื้อค้นตู้เสื้อผ้าราวกับคนเสียสติ  ในที่สุดยืนนิ่งงันหน้าตู้เสื้อผ้า  ร่างที่หันหลังให้ทุกคนสั่นเทา  ร้องไห้ออกมา


(จบตอน)


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน: 0047
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#พระเอกฉลาด #นิยายแฟนตาซี #qingshan

Previous Next

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 0001 กลับสู่ศูนย์

ตอนที่ 0007 บุพการี

ตอนที่ 0010 ตำหนักหวั่นซิง