ตอนที่ 0042 วิชากับธรรมะ



ยามเช้า  หมอเฒ่าเหยาลุกจากเตียง  เดินอืดอาดออกมาที่ลานบ้าน


ตุ่มน้ำเต็มแล้ว  พื้นลานกวาดสะอาด  แต่เฉินจี้หายไปไหนไม่อาจทราบได้


หมอเฒ่าเหยาเงยหน้ามองอีกาบนต้นแอปริคอต  อีกาใช้ปีกชี้ไปนอกประตู


สายตาเขามองผ่านโถงทางเดินไปนอกโรงยา  เห็นเฉินจี้ถือไม้กวาดไผ่ยาว  กำลังกวาดถนนหน้าโรงยา


เมื่อวานเทศกาลฉงหยาง  ถนนอันซีเต็มไปด้วยใบจูหยูและขยะ  มีแต่หน้าโรงยาไท่ผิงเท่านั้นที่สะอาดเอี่ยม


เขาถามด้วยความสงสัย  “เจ้าหนุ่มนี่ตื่นมาตั้งแต่ยามไหน?”


อีการ้องก้า


“ยามอิ๋น*สามเค่อ?  ตื่นเช้ากว่าไก่เสียอีก”  หมอเฒ่าเหยากวาดตามองไปรอบๆ  ‘ทำงานคล่องแคล่วขนาดนี้  อยากจะตีสักทีก็หาเหตุไม่ได้”


(*ยามอิ๋น—ตีสามถึงตีห้า)


อีการ้องก้า


หมอเฒ่าเหยาพยักหน้า  “เขารู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ...เจ้าก็ไม่ต้องหาทางชมเขาหรอก  ข้ารู้ดีในใจ”


เขาเดินมาที่ประตู  เหลือบมองเฉินจี้พลางกล่าว  “เจ้าหนุ่ม  ขยันจนข้าใจไม่ดีเลยนะ  วันนี้ไม่ใช่เวรเจ้าสักหน่อย  ทำไมถึงทำงานหมดแล้วล่ะ?”


เฉินจี้ยืนเท้าไม้กวาดไผ่อันใหญ่  ยิ้มตอบว่า  “ไหนๆ ก็ว่างอยู่แล้ว  ยังไงก็เป็นบ้านตัวเอง  กวาดให้สะอาดมันสบายใจกว่าขอรับ”


หมอเฒ่าเหยามองสำรวจเฉินจี้ด้วยความสงสัย  “เมื่อวานเจ้ายังพูดจาสุภาพกับข้า  วันนี้ไหนเลยถึงทำตัวสนิทสนม?”


เฉินจี้ตอบ  “คนเราก็ต้องเปลี่ยนแปลงกันบ้าง”


หมอเฒ่าเหยาเงียบไปนาน  “เรื่องเซ่อเติงเค่อ  เจ้าคิดจะทำยังไง?”


เฉินจี้กวาดพื้นไปพลางตอบ  “คงไม่ฆ่าเขาจริงๆ  หรอก...อาจารย์  ท่านคิดว่าพี่เซ่อเป็นคนเลวไหม?”


“ไม่ใช่”


“เห็นไหม  ท่านก็คิดว่าเขาไม่ใช่คนเลว”  เฉินจี้ถอนหายใจ  “ข้าย่อมจำเรื่องนี้ไม่ลืม  แต่จะให้ข้าฆ่าเขาจริงๆ  ก็คงทำไม่ลง”


หมอเฒ่าเหยากล่าวอย่างสงบ  “เจ้าไม่ใช่คนดี  ไม่ใช่คนเลว  คนอย่างเจ้าอยู่ในยุทธภพนี้คงอายุไม่ยืน  การสืบทอด ‘เจ้าเขา’ อาจต้องขาดสายที่มือเจ้าแล้ว”


ขณะกำลังพูด  เสียงกีบม้าดังมาจากปลายถนนอันซี


หมอเฒ่าเหยากับเฉินจี้หันไปมอง  เห็นรถม้าคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว


รถม้ามาหยุดหน้าโรงยา  ไป๋หลี่ธิดาอ๋อง  สามเณรน้อย  และโอรสอ๋อง  กระโดดลงจากรถม้าต่อกัน  บนใบหน้าโอรสอ๋องยังมีรอยสีปากแดงติดอยู่หลายจุด  กลิ่นเหล้าโชยเต็มตัว


ทั้งสามคนก้มหน้าวิ่งเข้าโรงยาไท่ผิง  ขณะวิ่งยังไม่ลืมทักทายหมอเฒ่าเหยา  “อรุณสวัสดิ์หมอหลวงเหยา!”


“หมอหลวงเหยา  สวัสดีขอรับ!”


ไป๋หลี่ธิดาอ๋องวิ่งไปได้ครึ่งทาง  กลับหันมา  ยัดห่อกระดาษน้ำมันใส่มือเฉินจี้  “นี่  ตามที่สัญญาไว้  ไปแล้วนะ!”


ทั้งสามคนตะลีตะลานมาถึงลานหลัง  ไม่นานโอรสอ๋องก็ร้อง  “สามเณรน้อย  คราวนี้เจ้าเหยียบข้าขึ้นไป...อ๊ะ  ไม่ต้องแล้ว!”


โอรสอ๋องมองไปยังกำแพง  ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร  มีบันไดไม้พาดรอไว้แล้ว


เขาบ่นเบาๆ  “ค่าผ่านทางไม่ได้จ่ายเปล่า  เจ้าหนุ่มนี่ใจดีจริง  ดูท่าจะเป็นลูกหลานยุทธภพเหมือนกัน!”


ไป๋หลี่ธิดาอ๋องหันกลับมองเฉินจี้ที่อยู่บนถนน  แล้วหันไปปีนบันไดข้ามเข้าจวนอ๋อง  “เร็วเข้าเถิด  อาจารย์หวังจะเริ่มสอนแล้ว”


หมอหลวงเหยามองทั้งสามคนปีนเข้าจวนอ๋องอย่างงุนงง  หันมามองเฉินจี้  “บันไดเจ้าวางไว้หรือ?”


เฉินจี้พยักหน้า  “ข้ารับเงินพวกเขามา  ย่อมต้องอำนวยความสะดวกให้บ้าง”


หมอหลวงเหยาทำหน้านิ่ง  “โรงยาไท่ผิงมีเจ้ามา  ชักจะเริ่มไม่ไท่ผิง (สงบสุข) แล้วสิ”


ขณะนั้น  เสียงด่าเมามายดังมาจากปลายถนนอันซี  “ตรอกชุดแดงมีแต่พวกตาขาว  ตอนมีเงินเรียกข้าว่าท่านโก่ว  ตอนไม่มีเงินก็เรียกว่าเหลียงโก่ว  แค่ไม่จ่ายเงินสามครั้ง  ก็ไล่ข้าออกมา!  ตอนนี้ข้าพาโอรสอ๋องไป  สุดท้ายพวกมันก็ต้องคำนับหัวคำนับหางอยู่ดี?”


อีกเสียงหนึ่งตอบเสียงทุ้ม  “พี่  ท่านเองก็ชื่อเหลียงโก่วเอ๋อร์อยู่แล้ว  เขาก็ไม่ได้เรียกผิด”


“โอรสอ๋องก็เหลือเกิน  พวกเขานั่งรถม้ากลับมา  ไม่รู้จักแวะรับพวกเราสักหน่อย  แถมยังไม่จัดที่พักให้ข้าอีก”


เหลียงมาวเอ๋อร์กลั้นความหงุดหงิด  “พี่  ท่านทำงานให้ตระกูลหลิวอย่างสบายใจไม่ได้หรือ  เขาให้ค่าจ้างมากมายแล้วนะ”


“ไม่ได้หรอก……ข้ามีหลักสามอย่างที่ไม่ช่วย  ขี้เมาโจรผู้ร้ายไม่ช่วย  พวกขันทีไม่ช่วย  คนที่ต่อต้านพวกขันทีก็ไม่ช่วย...พวกเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นใจดำ  มือยิ่งดำกว่า  ข้าสู้พวกมันไม่ได้หรอก”


เฉินจี้หันไปมอง  เห็นเหลียงมาวเอ๋อร์ตัวอ้วนแบกเหลียงโก่วเอ๋อร์อยู่พอดี


“อาจารย์  ท่านรู้จักเหลียงโก่วเอ๋อร์ด้วยหรือ”  เฉินจี้ถามอย่างความสงสัย


“รู้จักสิ”  หมอเฒ่าเหยาหัวเราะเยาะ  “คนยุทธภพเรียกขานว่า  นักดาบลมสารท*  เหลียงโก่วเอ๋อร์”


(*สารท – อ่านว่า [สาด] แปลว่าฤดูใบไม้ร่วง)


“นักดาบลมสารท?  เพราะเขาฝึกวิชาดาบลมสารทหรือ?”


“ไม่ใช่  เพราะเขาชอบกินแรงชาวบ้านไปทั่ว”


เฉินจี้ถึงกับงงงวย


“อาจารย์  เหลียงโก่วเอ๋อร์เป็นสิงกวนหรือครับ”  เฉินจี้ถามอย่างอยากรู้  “เขาไปพึ่งพาตระกูลหลิวทำไม”


“การฝึกตนต้องอาศัยทรัพย์  คู่  วิธี  สถานที่  เหมือนเจ้าฝึกตนต้องใช้โสมฉันใด  คนฝึกวิทยายุทธ์ก็ต้องใช้ยาบำรุงร่างกายฉันนั้น”  หมอเฒ่าเหยากล่าวเรียบๆ  “วิถีการฝึกตนใต้หล้านี้  ส่วนใหญ่ก็เหมือนกัน  ใช้เงินเป็นน้ำเป็นท่า  หากไม่มีที่พึ่งพิง  ฝึกด้วยตนเองย่อมไม่สำเร็จ”


“เหลียงโก่วเอ๋อร์เก่งกาจถึงเพียงนี้แล้ว  ทำไมไม่ปล้นตระกูลหลิวเสียเลย”  เฉินจี้ถาม


หมอเฒ่าเหยาหัวเราะเย้ย  “ทรัพยากรใต้หล้านี้  ล้วนอยู่ในมือราชสำนัก  ตระกูลใหญ่  สำนักลัทธิเต๋า  และพุทธ  ส่วนน้อยกระจายอยู่ตามสำนักต่างๆ  อย่างหลัวเทียน  เหลียงโก่วเอ๋อร์จะเก่งกาจเพียงใด  ก็ต้านทัพม้าสามพันนายบุกทะลวงครั้งเดียวไม่ได้  ตระกูลหลิวเลี้ยงทหารกล้าสี่หมื่นกว่านายไว้ที่ค่ายใหญ่แคว้นยู่  รับคำสั่งเพียงเสนาบดีอาวุโสหลิวผู้เดียว...เหลียงโก่วเอ๋อร์มีหัวกี่หัวกันถึงกล้าไปปล้นตระกูลหลิว”


เหลียงมาวเอ๋อร์แบกเหลียงโก่วเอ๋อร์เดินเข้ามาใกล้แล้ว


เหลียงโก่วเอ๋อร์ลืมตาขึ้นอย่างมึนเมา  ชี้ไปที่โรงยาไท่ผิง  “พวกเราพักที่นี่แหละ  ที่นี่ใกล้โอรสอ๋อง  เวลาเขาออกไปเที่ยวเล่น  ต้องพาข้าไปด้วยแน่!”


เหลียงมาวเอ๋อร์หน้าแหยๆ มองหมอเฒ่าเหยา  “ขออภัยด้วยครับ  พี่ชายข้าพูดจาเพ้อเจ้ออยู่”


“ข้าไม่ได้พูดเพ้อเจ้อ!”  เหลียงโก่วเอ๋อร์เสื้อผ้ารุ่มร่าม  กระโดดลงจากหลังเหลียงมาวเอ๋อร์  เดินเบิกบานตรงดิ่งเข้าโรงยา


หมอเฒ่าเหยายกมือขวาง  “ช้าก่อน”


เหลียงโก่วเอ๋อร์ลืมตา  โซเซมองสำรวจหมอเฒ่าเหยา  นานครู่ใหญ่จึงอุทานด้วยความประหลาดใจ  “หมอหลวงเหยา...คนเก่าคนแก่นี่เอง  ยิ่งดีเลย  พวกเราพักบ้านหมอหลวงเหยา!”


หมอเฒ่าเหยานิ่งเงียบไม่กล่าววาจา


เฉินจี้รู้สึกตึงเครียด  เขาเคยเห็นเหลียงโก่วเอ๋อร์ชักดาบ  ดาบนั้นเฉียบขาดอย่างวิเศษ  ผ่างอบของหลินเฉาชิงพอดิบพอดี  ไม่มากไม่น้อยแม้แต่ส่วน


เขากังวลว่า  สิงกวนเช่นนี้ถูกอาจารย์ปฏิเสธแล้วจะเอาแต่ใจ  หากทำร้ายอาจารย์ขึ้นมาย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่


แต่ยังไม่ทันที่เขาจะคิดหาทางออก  กลับเห็นหมอเฒ่าเหยาเหลือบมองเฉินจี้แวบหนึ่ง  แล้วพูดกับเหลียงโก่วเอ๋อร์เนิบนาบ “ก็ใช่ว่าจะพักที่โรงยาไม่ได้  แต่เจ้าต้องสอนวิชาดาบให้ศิษย์ข้า  สอนดี  โรงยาไท่ผิงไม่เพียงให้พักไม่คิดเงิน  ยังเลี้ยงข้าวด้วย”


เฉินจี้ตะลึง


นี่คืออาจารย์จอมตระหนี่ของตนแน่หรือ?


เหลียงโก่วเอ๋อร์หัวเราะเย้าแหย่  “หมอหลวงเหยา  ท่านเปิดโรงยา  ศิษย์ท่านเรียนดาบไปทำไม  หรือว่าช่วงนี้กิจการซบเซา  อยากสร้างคนไข้บาดเจ็บเพิ่ม?”


หมอเฒ่าเหยากล่าวอย่างใจเย็น  “เจ้าสอนแต่วิชาก็พอ  เรื่องอื่นไม่ต้องสน”


ทว่าเหลียงโก่วเอ๋อร์กลับจริงจังขึ้นทันที  “ตาเฒ่า  ข้าแค่เมา  ไม่ได้โง่  วิถีดาบตระกูลเหลียงของข้าไม่ถ่ายทอดให้คนนอก”


หมอหลวงเหยากล่าวเสียงเรียบ  “ข้าให้เจ้าสอนคือวิชาดาบ  ไม่ใช่วิถีดาบตระกูลเจ้า”


เหลียงโก่วเอ๋อร์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง  แล้วหัวเราะลั่น  “ตกลง!  ไปกันเถอะ  เหลียงมาวเอ๋อร์  พวกเรามีที่พักแล้ว  เข้าไปหาอะไรกินก่อน!  แค่สอนวิชาดาบก็พอ  ใต้หล้านี้ไม่มีดาบใดที่ข้าเหลียงโก่วเอ๋อร์สอนไม่ได้!”


(จบตอน)  


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน: 0052
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#พระเอกฉลาด #นิยายแฟนตาซี #qingshan

Previous Next

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 0001 กลับสู่ศูนย์

ตอนที่ 0007 บุพการี

ตอนที่ 0010 ตำหนักหวั่นซิง