ตอนที่ 0050 ค่าปิดปาก



ยามรุ่งอรุณที่มีหมอกบางๆ ปกคลุม  เสียงไก่ขันประกาศถึงย่ำรุ่ง  รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ หยุดหน้าประตูโรงยา


ไป๋หลี่เปิดม่านกระโดดลงจากรถม้า  ยืดเหยียดร่างกายพอเป็นพิธี


นางมองไปรอบๆ  แต่กลับไม่เห็นร่างผอมแห้งของผู้ที่ควรจะยืนกวาดพื้น


ช่างน่าแปลก  เมื่อวานเวลานี้เขายังกวาดพื้นอยู่หน้าประตู  วันนี้หายไปไหนเสียแล้ว?


ยังนอนหลับอยู่หรือ?


ขณะนั้น  เหลียงมาวเอ๋อร์ก็แบกเหลียงโก่วเอ๋อร์กระโดดลงจากรถม้าอย่างเชื่องช้า  เดินเข้าไปในโรงยา


เหลียงโก่วเอ๋อร์รูปร่างสูงใหญ่  แต่พออยู่บนหลังเหลียงมาวเอ๋อร์กลับเหมือนเบาหวิว  ทุกวันเขาต้องแบกอีกฝ่ายเดินสิบลี้เป็นปกติ


เหลียงมาวเอ๋อร์ยิ้มอย่างใสซื่อ  ลาโอรสอ๋องและธิดาอ๋องไป๋หลี่  “โอรสอ๋อง  ธิดาอ๋อง  ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ  ข้าขอตัวพาพี่ชายกลับไปนอนก่อน”


โอรสอ๋องยิ้มโบกมือ  “ไปเถอะ  ไปเถอะ”


เมื่อเหลียงมาวเอ๋อร์กลับไปห้องนอนเด็กฝึก  ไป๋หลี่เขย่งเท้ามองเข้าไปในห้องนอน  ยังคงไม่เห็นร่างของเฉินจี้  “แปลกจัง  คนใจดำนั่นไปไหนเสียแล้ว”


เฉินจี้ไม่ได้อยู่ที่โรงยา  เขากำลังเดินบนถนนหินสีเขียวครามไปยังตลาดบูรพา


เขาเดินอยู่ข้างล่าง  ส่วนอูหยุนกระโดดเบาๆ บนหลังคาข้างๆ


หนึ่งคนหนึ่งแมวเดินเคียงคู่กัน  แมวดำบนหลังคาราวกับภูตน้อยที่คอยปกป้องเฉินจี้อยู่เงียบๆ


ตลาดบูรพาเริ่มคึกคักแล้ว  สินค้าจากทิศเหนือทิศใต้มารวมกันที่นี่  พวกกุลีล้วนกล้ามเป็นมัด  แบกกระสอบเดินขวักไขว่ไม่ขาดสาย


เฉินจี้หาร้านอาหารเช้าร้านหนึ่ง  นั่งลงตรงโต๊ะไม้เล็กๆ หน้าร้าน  อูหยุนกระโดดเบาเท้าเข้ามาในอ้อมอก  ซุกตัวในเสื้อโผล่แต่หัวออกมาจากคอเสื้อ


“เฉินจี้  ซาลาเปา!”


เฉินจี้ยิ้มโบกมือเรียกลูกจ้าง  “ขอซาลาเปาหมูซอสสองเข่ง  น้ำเต้าหู้ร้อนหนึ่งถ้วย!”


“ได้เลยขอรับ!  ท่านลูกค้านั่งรอสักครู่  ซาลาเปาจะมาเดี๋ยวนี้!”


พอซาลาเปามาเสิร์ฟ  เฉินจี้ขยับมือขวาหยิบซาลาเปากัดคำโต  มือซ้ายหยิบซาลาเปาอีกลูกยื่นไปตรงหน้าอก  ปล่อยให้อูหยุนค่อยๆ กิน


เขากินช้าๆ  รอคอยอย่างเงียบงัน


พอกินซาลาเปาไปได้สองลูก  ร้านของชำข้างๆ ก็มีลูกค้าวัยกลางคนเดินเข้ามา  “เถ้าแก่  ดินประสิวขายยังไง”


เถ้าแก่นั่งไขว่ห้างอยู่ในร้าน  “สามร้อยเหรียญต่อหนึ่งถัง  ในระยะสามลี้จะให้เด็กไปส่งถึงที่…คุณลูกค้า  ซื้อดินประสิวไปทำอะไรหรือ?”


ลูกค้าผู้นั้นยิ้มตอบ  “บ้านข้าทำไม้ขีดไฟ  ทุกวันขาดดินประสิวไม่ได้  ปกติจะไปรับของที่ร้านเฒ่าหลี่  แต่ไม่รู้เป็นอะไร  เช้านี้บ้านเขาไม่เปิดร้าน  เถ้าแก่  สามร้อยเหรียญต่อถังแพงไปหน่อย  ลดได้ไหม?”


แต่เถ้าแก่กลับเคาะเมล็ดแตงโมพลางพูด  “จะซื้อก็ซื้อ  ไม่ซื้อก็ไม่ต้อง”


ลูกค้าทำหน้าบึ้งตึง  สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป  “ทำมาค้าแบบนี้ได้ยังไง  พูดจาเป็นไหม  ในตลาดบูรพามีคนขายดินประสิวตั้งหลายร้าน  ไม่จำเป็นต้องซื้อของร้านท่านหรอก!”


เถ้าแก่นั่งไขว่ห้างเคาะเมล็ดแตงโม  ไม่ยี่หระแม้แต่น้อย  “งั้นก็ไปซื้อที่อื่นสิ”


เฉินจี้มองลูกค้าผู้นั้นเดินจากไป  ทันใดนั้น  ชายหนุ่มที่แต่งกายเป็น ‘กุลีลากเรือ’ ในร้านอาหารเช้า  หยุดกินข้าวทันที  วางตะเกียบลง  ลุกขึ้นเดินตามลูกค้าผู้นั้นไป


ทั้งสองห่างกันสิบกว่าก้าว  กุลีหนุ่มที่สะกดรอยตาม  จับจ้องลูกค้าผู้นั้นไม่วางตาท่ามกลางฝูงชน


ขณะเดินผ่านข้างเฉินจี้  เขาเห็นหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้มือขวาของชายหนุ่มมีหนังด้านหนา  นั่นคือร่องรอยจากการจับอาวุธมานานปี


เฉินจี้เข้าใจทันใด  จินจูได้ลงมือแล้ว


จินจูผู้นี้ฉลาดหลักแหลม  สุขุมเยือกเย็นยิ่งกว่าที่คิด  เขาคาดการณ์ได้ว่า  สิ่งที่ราชวงศ์จิ่งปรารถนาที่สุดคืออาวุธปืน  หลังมาถึงเมืองหลัวจึงวางหมากอย่างเงียบเชียบ  ซื้อร้านค้า  ส่งหน่วยสืบลับปลอมตัวเป็นพ่อค้า  สืบสวนทุกคนที่ต้องการซื้อดินประสิว!


จินจูแฝงตัวอยู่ในความมืดของเมืองหลัว  ดุจแมงมุม  ฉวยจังหวะที่กรมข่าวกรองราชวงศ์จิ่งประมาท  ชักใยทอเป็นตาข่ายใหญ่


อาวุธปืนที่หยุนเฟยส่งมอบ  น่าจะมีคนสมรู้ร่วมคิดภายใน  ลักลอบขโมยออกมาจากคลังสำนักช่าง


หากจินจูฉลาดพอ  เกรงว่าคงเริ่มตรวจนับคลังสินค้า  ติดตามทวงของที่สูญหายแล้ว...ไม่รู้ว่าหยุนเฟยและตระกูลหลิวจะทนการสืบสวนของจินจูได้อีกนานเท่าไร


กรมข่าวกรองราชวงศ์จิ่งและตระกูลหลิว  ในที่สุดก็ได้พบคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว


เฉินจี้ก้มหน้ากินซาลาเปาอย่างแนบเนียน  เขากับอูหยุนกินซาลาเปาจนหมดทั้งสองเข่ง  จึงลุกขึ้นจากไป  หนึ่งคนหนึ่งแมวเรอพร้อมกัน  “อิ่ม!”


เฉินจี้เดินเตร่อยู่ในตลาดบูรพา  เมื่อผ่านร้านขายน้ำตาล  ก็รีบใช้หางตาสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ  เถ้าแก่กำลังขายน้ำตาลแดงน้ำตาลขาวอย่างจริงจัง  มีบ่าวไพร่ขุนนางมาซื้อน้ำตาลแดงน้ำตาลขาวไป  ไม่มีใครสะกดรอยตามหรือจับตาดู


สังเกตอยู่นาน  เขาจึงเดินไปทางแผงขาย  “เถ้าแก่  น้ำตาลแดงกับน้ำตาลขาวขายอย่างไรบ้าง”


เถ้าแก่ยิ้มตอบ  “คุณลูกค้า  น้ำตาลแดงแปดสิบเหรียญต่อชั่ง  ส่วนน้ำตาลทรายขาวนี่  สิบตำลึงเงินต่อชั่ง”


เฉินจี้ถึงกับอ้าปากค้าง  น้ำตาลขาวนับว่าราคาแพงลิบลิ่ว!


แต่เขาก็นึกขึ้นได้ทันที  ในยุคนี้คนส่วนใหญ่ยังคงใช้น้ำตาลแดง  ส่วนวิธีทำน้ำตาลขาวจะถือเป็นความลับของแต่ละตระกูล  ไม่มีทางถ่ายทอดให้คนนอก


ปัจจุบันมีเพียงขุนนางชั้นสูงเท่านั้น  ที่ได้ลิ้มรสน้ำตาลทรายขาวอัน ‘สูงส่ง’ นี้  นับเป็นของฟุ่มเฟือยอย่างแท้จริง


เฉินจี้พึมพำในใจ  จะลองทำน้ำตาลขาวเองดีไหมนะ


ทำไม่ได้หรอก


ในตำรา  ‘เทียนกงไคอู้*’  เคยบันทึกวิธีฟอกสีด้วยน้ำดินเหนียวเหลือง  คือการราดน้ำดินเหนียวเหลืองลงบนน้ำตาลแดง  ทำให้ได้น้ำตาลขาวมา


(เทียนกงไคอู้ — เป็นหนังสือสารานุกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนโบราณที่เขียนโดย ซ่งอิ่งซิง ในช่วงกลางราชวงศ์หมิง หนังสือเล่มนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “สารานุกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เก่าแก่ที่สุดของจีน” และมีเนื้อหาครอบคลุมหลากหลายด้าน เช่น เกษตรกรรม, การช่างฝีมือ, โลหะวิทยา, การผลิตเกลือ, การผลิตกระดาษ)


แต่ในความเป็นจริง  ในยุคที่เฉินจี้เคยใช้ชีวิต  ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จในการทำตาม  ‘วิธีฟอกสีด้วยน้ำดินเหนียวเหลือง’  เลย  วิชานี้ได้สูญหายไปแล้ว


เฉินจี้ควักเศษเงินออกมาแท่งหนึ่ง  “เถ้าแก่  ขอซื้อน้ำตาลทรายขาวหนักหนึ่งตำลึง  แค่หนึ่งตำลึงพอ”


เขาหิ้วห่อกระดาษน้ำตาลสีน้ำตาล  แล้วไปซื้อเหล้าเซาเตาจื่อมาอีกหนึ่งกระบอกไม้ไผ่  ถึงตอนนี้วัตถุดิบสำหรับทำดินปืนก็ครบแล้ว


เฉินจี้เดินอยู่ท่ามกลางฝูงชน  บัดนี้เขาไม่ดูเหมือนคนต่างถิ่นอีกต่อไป  กลับดูเหมือนหนุ่มน้อยชาวเมืองหลัวโดยกำเนิดที่มาเดินตลาด


......


......


ยามค่ำคืน


โอรสอ๋องกับธิดาอ๋องไป๋หลี่คงจะเบื่อแล้ว  วันนี้ไม่ได้ปีนกำแพงออกไปอีก


เฉินจี้รอจนทุกคนหลับสนิท  จึงหยิบกระบอกไม้ไผ่ที่ใส่ดินประสิวมายังโถงหลัก


แต่ขั้นแรกของการปรุงดินปืนมิใช่แค่ผสมดินประสิว  กำมะถัน  ถ่านไม้ตามสัดส่วนเข้าด้วยกันง่ายๆ  หากแต่ต้องทำให้วัตถุดิบบริสุทธิ์เสียก่อน


นี่คือเหตุผลที่เฉินจี้มั่นใจว่า  ดินปืนของตนย่อมแรงกว่าดินปืนราชวงศ์หนิง  ราชวงศ์หนิงไม่มีวิชาเคมีที่ก้าวหน้าพอ  เกรงว่าคงไม่รู้วิธีทำให้วัตถุดิบเหล่านี้บริสุทธิ์  ได้แต่พึ่งวิธีพื้นบ้าน


เฉินจี้หยิบชามดินเผาใบใหญ่หน่อยมา  บรรจงวางไว้เหนือตะเกียงน้ำมันอย่างระมัดระวัง


อูหยุนนั่งบนโต๊ะบัญชี  เอียงคอ  ร้องเหมียวอย่างสงสัย  “เฉินจี้  ท่านกำลังทำอะไร”


เฉินจี้ตอบพลางเตรียมวัตถุดิบ  “ก่อนจะกลายเป็นสิงกวนตัวจริง  ข้าต้องสร้างอาวุธป้องกันตัวไว้บ้าง...อูหยุน  เจ้าหูดี  หากได้ยินใครเข้าใกล้โถงหลักให้รีบบอกทันที”


เขารู้ดีว่าในโลกนี้คงมีสิงกวนระดับสูงที่แม้แต่ดินปืนก็ไม่หวั่น  อาทิ  ไป๋หลง (มังกรขาว) เทียนหม่า (อาชานภา)  ปิ้งหู่ (เสือป่วย)  ที่จินจูเอ่ยถึง  หากพวกเขาเร็วพอ  ย่อมหลบหนีได้ทันก่อนดินปืนระเบิด


แต่ตัวเขาไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้น  ลำพังดินปืนก็เพียงพอแล้ว


ทว่าขณะกำลังจะเทดินประสิวจากกระบอกไม้ไผ่ลงในชามดินเผา...อีกาตัวหนึ่งก็บินเข้ามาในโถงหลักโรงยาอย่างกะทันหัน!


เฉินจี้กับอูหยุนชะงักงันพร้อมกัน  คนกับแมวสบตาแลกสายตากันอยู่นาน  ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปสักที 


อูหยุนร้องเหมียวหนึ่งเสียง  “มันจะไปฟ้องอาจารย์ท่านไหม?”


เฉินจี้บรรจงปิดฝากระบอกไม้ไผ่กลับคืน  พลางเร่งคิดหาทางรับมือในใจ  บัดนี้เขากำลังปรุงดินดำ  นี่คือความลับที่สำนักช่างแห่งราชวงศ์หนิงต้องใช้ทหารคัดเลือกถึงสองพันนายเฝ้ารักษา


แม้แต่ถูกจับได้ว่าแอบเก็บดินประสิว  ก็อาจจะเจอเรื่องใหญ่แล้ว


อูหยุนมองเฉินจี้  “ข้าจับมันไว้ดีไหม?  ฆ่าปิดปาก!”


ชั่วพริบตาต่อมา  อีกาชี้ปีกมาทางอูหยุน  ร้องกาๆ อย่างเย้ยหยัน  ท่าทางดูแคลนกันเต็มที่


อูหยุนไม่ยอม  กระโดดไปจับมัน  แต่ถึงอูหยุนจะเร็ว  อีกากลับเร็วยิ่งกว่า


เห็นเพียงก้อนดำสองก้อนกระโจนขึ้นลงในโถงโรงยา  บัดนี้เฉินจี้จุดเตาไฟสิบหกดวงแล้ว  แต่ก็ยังมองตามการเคลื่อนไหวของแมวดำไม่ทัน 


ทว่าแม้จะเร็วถึงเพียงนั้น  ก็ยังแตะขนอีกาไม่ได้เลยสักเส้น!


อีกาตัวนี้ไม่รู้ฝึกตนกับหมอเฒ่าเหยามานานเท่าไร  เก่งกาจราวกับภูตผีไปแล้ว!


ขณะที่เฉินจี้กำลังจะเรียกอูหยุน  เสียงแก่ชราก็ดังขึ้น  “พอแล้ว  ดึกดื่นป่านนี้ไม่ยอมนอน  มาอาละวาดอะไรกันที่นี่”


เฉินจี้ชะงักค้าง  ค่อยๆ หันไปมองหมอเฒ่าเหยา  “อาจารย์...”


หมอเฒ่าเหยาเหลือบมองเฉินจี้แวบหนึ่ง  แล้วเดินช้าๆ ไปทางโต๊ะบัญชี  พินิจดูตะเกียงน้ำมัน  กระบอกไม้ไผ่  ชามดินเผาด้วยความสงสัย  รู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล


แม้เขาจะเจนโลกเจนชีวิต  ก็ยังดูไม่ออกว่าเฉินจี้กำลังทำอะไร...


เขาขมวดคิ้วถาม  “เจ้าเอาชามดินเผาจากครัวมาทำอะไรที่นี่”


เฉินจี้ตอบ  “ไม่ได้ทำอะไรนี่อาจารย์  ชามนี้ข้าเพิ่งใช้ตักน้ำดื่ม”


“อ้อ  งั้นหรือ...”


ขณะที่เฉินจี้ผ่อนลมหายใจ  กลับเห็นหมอเฒ่าเหยาหยิบเหรียญทองแดงหกเหรียญออกมาจากแขนเสื้อ  โยนลงบนโต๊ะ


เสียงกรุ๊งกริ๊งดังระงม  เหรียญทองแดงทั้งหกตกลงแน่นิ่ง


เฉินจี้ใจหายวาบ  แม้หมอเฒ่าเหยาจะดูไม่ออกว่าตนทำอะไร  แต่เขาทำนายได้!


หมอเฒ่าเหยาพึมพำพลางอ่านผลทำนาย  เฉินจี้ใจคอไม่ดี  ราวกับรอคำตัดสิน  ไม่รู้ว่าท่านจะทำนายอะไรออกมาได้


ครู่ต่อมา  หมอเฒ่าเหยาส่ายหน้า  “แปลกแท้  เหตุใดจึงดูไม่ออก”


พูดจบ  เขาก็เดินไปที่หน้าต่าง  ผลักบานเปิด  มือเท้ากรอบหน้าต่าง  ยื่นหน้าออกไปมองท้องฟ้ายามราตรี  ปากพึมพำ  “เฉี่ยนหยวนยิ่งใหญ่  บันดาลสรรพสิ่ง  ครองฟ้า...”


ชั่วพริบตาต่อมา


หมอเฒ่าเหยาหันกลับมามองเฉินจี้ทันที  “สิ่งใดเล่าถึงแข็งแกร่งดุดันเช่นนี้!”


เฉินจี้:  อ้าว?


เดี๋ยวสิ  วิชาของตาเฒ่าเป็นของจริงหรือ?!


เฉินจี้ไม่ทราบว่า  ผลทำนายอ่านได้ว่าอย่างไร  แต่หมอเฒ่าเหยาเอ่ยว่า ‘แข็งแกร่งดุดัน’  นั่นมิใช่คุณสมบัติของดินดำหรอกหรือ?


หมอเฒ่าเหยาจ้องเฉินจี้ตรงๆ  “ไม่คิดว่าเจ้าจะมีฝีมือเพียงนี้  ถึงกับทำสิ่งนี้ออกมาได้  เจ้าสร้างมันเพื่ออะไร  คิดจะขบถหรือ?!”


เฉินจี้รีบกล่าว  “ไม่ใช่ๆ!”


ทันใดนั้นได้ยินหมอเฒ่าเหยาเอ่ย  “เจ้ารู้หรือไม่  หากเรื่องนี้แพร่ออกไป  เจ้าจะตายไม่มีที่ฝัง  อย่าว่าแต่ข้าจะไม่ปกป้องเจ้าเลย  แม้แต่แผ่นดินราชวงศ์หนิงก็ไม่มีที่ให้เจ้ายืน”


เฉินจี้นิ่งเงียบ  เขาไม่แน่ใจว่าหมอเฒ่าเหยามีจุดยืนอย่างไร  หากอีกฝ่ายคิดจะแจ้งความจริง  ตนก็คงต้องหนีเท่านั้น


น่าเสียดาย  เขาเพิ่งจะตั้งตัวได้ในโรงยา  ยังคิดว่าจะได้ทำมาหากินอยู่ที่นี่ไปอีกสักพัก


เฉินจี้เงยหน้าขึ้น  “อาจารย์  ข้าไม่ได้คิด...”


หมอเฒ่าเหยาขัดขึ้น  “ค่าปิดปาก  หกตำลึง”


เฉินจี้  “?”


...


...


ในโถงโรงยาสลัว  ลมเย็นยามราตรีสารทฤดูพัดเข้ามาทางหน้าต่าง  จนเปลวตะเกียงน้ำมันไหวระริก  แสงเงาส่ายบนใบหน้าเฉินจี้  สว่างมืดไม่แน่นอน


“ท่านพูดมากมายเพียงนั้น  ก็เพื่อค่าปิดปาก?”  เฉินจี้เอ่ยเสียงเข้ม


“ก็ไม่เชิง”  หมอเฒ่าเหยากล่าวอย่างใจเย็น  “ข้าไม่ได้ทำเพื่อเงิน  แต่เพื่อช่วยชีวิตเจ้าต่างหาก”


เฉินจี้เจ็บใจยิ่งนัก  “ท่านรู้หรือไม่  เงินหกตำลึงซื้ออะไรได้ตั้งมาก”


หมอเฒ่าเหยาลูบเคราแผ่วเบา  “รู้สิ  ซื้อเจ้ายกบันไดให้ไป๋หลี่ธิดาอ๋องได้”


เฉินจี้  “...”


ที่แท้เขาก็รู้หมดทุกอย่าง  มิน่าเล่า  แม้แต่จำนวนเงินก็เท่ากับค่าผ่านทางสองครั้งพอดี!


หมอเฒ่าเหยาหัวเราะเย็น  “โรงยาเป็นโรงยาของข้า  โอรสอ๋องกับธิดาอ๋องผ่านที่ข้า  ค่าผ่านทางให้ข้า  มีอะไรผิดหรือ”


เฉินจี้กล่าว  “ข้าก็ออกแรงแล้วนี่  ข้ายกบันไดให้พวกเขา!”


กลับเห็นหมอเฒ่าเหยาหันเข้าไปในเรือนหลัก  ยกเก้าอี้นอนไม้ไผ่มาตัวหนึ่ง  วางไว้ตรงโถงทางเดินระหว่างโถงใหญ่กับลานหลัง  “ข้าจะคอยเฝ้าให้  ทีนี้ข้าก็ออกแรงแล้ว  จ่ายข้าหกตำลึง  เจ้าทำสิ่งที่จะทำไปเถิด  มีข้าเฝ้าอยู่  ใครก็จับไม่ได้”


เก้าอี้นอนไม้ไผ่ตัวใหญ่  ในมือเฒ่าวัยเก้าสิบสองปี  กลับเบาหวิวราวของเล่น


เฉินจี้  “...แบบนี้ก็ได้หรือ?!”


หมอเฒ่าเหยาไม่สนใจมากนัก  เพียงยื่นมือมาอย่างหนักแน่น  “ถั่วเงินล่ะ”


เฉินจี้หยิบถั่วเงินหกเม็ดออกจากแขนเสื้ออย่างเจ็บใจ  วางลงบนมือหมอเฒ่าเหยา


หมอเฒ่าเหยายิ้มร่า  เก็บเข้าแขนเสื้อ  ฮัมเพลงเบาๆ  นอนบนเก้าอี้นอนไม้ไผ่  หลับตาพักผ่อน  “คนดีทุกเช้าต้องทุกข์ตรม  คนเลวทุกค่ำคืนสนุกสนาน...”


เฉินจี้เงียบมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง  ไม่รู้จะทำอย่างไรกับตาเฒ่านี่ดี


ในที่สุด  เขากัดฟันเอ่ยปาก  “อาจารย์  อย่าหาว่าข้าไม่เตือน  ท่านรับเงินแล้ว  ต่อไปก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแล้วนะ!”


หมอเฒ่าเหยาหัวเราะแผ่วเบา  “ขู่ข้าหรือ  เจ้ายังอ่อนอยู่  ข้าก็อยากเห็นเหมือนกัน  ว่าน้ำยาเจ้าจะทำอะไรออกมาได้”


เฉินจี้ไม่พูดอีก  เขาเติมน้ำเปล่าลงในชามดินเผา  ตั้งบนตะเกียงน้ำมัน  อุ่นช้าๆ จนน้ำร้อนประมาณเจ็ดสิบห้าองศา


ยุคนี้ไม่มีวิธีวัดอุณหภูมิให้เที่ยงตรง  เฉินจี้รู้เพียงว่า  เมื่อน้ำร้อนถึงแปดสิบองศา  ก้นชามจะเริ่มมีฟองผุด  พอเริ่มมีฟองก็รีบยกตะเกียงน้ำมันออก  รอให้น้ำค่อยๆ เย็นลงห้านาที  ก็จะได้อุณหภูมิที่ต้องการ


เฉินจี้หยิบดินประสิวกับเถ้าไม้มา  ใส่ลงในชามดินเผาด้วยอัตราส่วน 8 ต่อ 1  ใช้ไม้ไผ่คนช้าๆ นานหนึ่งก้านธูป  แล้วค่อยๆ กรองด้วยกระดาษสา


หมอเฒ่าเหยาไม่รู้ลุกขึ้นตั้งแต่เมื่อไร  ยืนดูจากด้านข้างอย่างจดจ่อ


เฉินจี้ไม่สนใจอีกฝ่าย  เพียงต้มน้ำดินประสิวอีกครั้ง  จนน้ำในชามเหลือเพียงหนึ่งในสาม


เขายกตะเกียงน้ำมันออก  รอคอยอย่างตั้งใจให้ของเหลวข้นในชามค่อยๆ  เย็นลง


พอของเหลวในชามดินเผาเย็นลงต่ำกว่าอุณหภูมิรักแร้คน  เฉินจี้ใช้ไม้ไผ่จุ่มของเหลวในชามหยดหนึ่ง  หยดเบาๆ ลงบนโต๊ะบัญชี


เมื่อหยดของเหลวสัมผัสกับโต๊ะเย็นเฉียบ  มันกลับแข็งตัวเป็นผลึกใสในพริบตา  ราวกับแตะน้ำแล้วกลายเป็นน้ำแข็ง!


หมอเฒ่าเหยาเบิกตากว้างทันที


เฉินจี้ถอนหายใจยาว  สำเร็จแล้ว!


(จบตอน)


______________
ลงทุกวันจันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ อาทิตย์
ปัจจุบันแปลถึงตอน: 0073
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#พระเอกฉลาด #นิยายแฟนตาซี #qingshan
Previous Next

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 0001 กลับสู่ศูนย์

ตอนที่ 0007 บุพการี

ตอนที่ 0010 ตำหนักหวั่นซิง