ตอนที่ 0051 เรื่องราวในอดีต



เฒ่าเหยาอยู่มาทั้งชีวิต  อวดอ้างว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมากมาย  แต่กลับไม่เคยเห็นวิชาต้มน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็ง


บนคานหลังคา  อีกาจ้องมองอยู่นาน  ในที่สุดก็อดใจไม่ไหว  ต้องบินลงมายังโต๊ะบัญชีเพื่อพินิจพิเคราะห์


อูหยุนอยากฉวยโอกาสตะครุบมัน  แต่ถูกอีกาใช้ปีกปัดออกอย่างไม่ใส่ใจ


เฒ่าเหยาเงยหน้าขึ้นมองเฉินจี้  “นี่มันหลักการอะไร?”


เฉินจี้ลำบากใจ


สารละลายอิ่มตัวเมื่ออุณหภูมิลดลง  ความสามารถในการละลายจะลดลง  ทำให้ตกผลึก


สำหรับเขาแล้ว  นี่เป็นเพียงประโยคง่ายๆ  แต่หากจะอธิบายให้คนราชวงศ์หนิงเข้าใจ  คงต้องเริ่มเล่าจากที่ไกลแสนไกล


เฒ่าเหยาลองเขี่ยผลึกเล็กๆ นั้นดู  


ต้มน้ำไปต้มน้ำมา  สุดท้ายกลับต้มจนกลายเป็นน้ำแข็งได้อย่างไร?  แต่จับดูก็ไม่เย็นเลยนี่


“เจ้าหนุ่ม  นี่มันอะไร?”  เฒ่าเหยาถามอย่างสงสัย


เฉินจี้ยิ้ม  “มันคือสิ่งที่ท่านเพิ่งพูดถึงไง  วัตถุที่แข็งแกร่งดุดัน”


เฒ่าเหยายิ่งงงหนัก  “เจ้าไปเรียนวิชาเล่นแร่แปรธาตุมาจากไหน  เขาหวงหรือเขาเหล่าจวิน?  แต่พวกนักพรตนั่นก็ไม่ยอมถ่ายทอดของแบบนี้ให้คนนอกนี่...หรือว่าเขาอู๋จี๋และเขาไท่จี๋?”


เฉินจี้นิ่งเงียบ  เขาไม่มีทางอธิบายได้ว่าเรียนมาจากไหน


เฒ่าเหยาหัวเราะเยาะ  “ก็ได้ๆ  ไม่บอกก็ไม่บอก...ข้าแค่ถามเจ้าคำเดียว  ไอ้นี่มันมีอานุภาพแค่ไหน?”


เฉินจี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง  แล้วตอบอย่างระมัดระวัง  “...ตอนนี้ยังทำไม่สำเร็จ  ถ้าสำเร็จเมื่อไร  ก็ทำลายเรือนสักหลังได้ง่ายๆ”


เฒ่าเหยาลูบหนวด  ดูเหมือนกำลังชั่งน้ำหนักคำพูดก่อนเอ่ยตักเตือน  “สำนักเราแม้จะมีชื่อเรียกว่า  ‘กลืนมังกร’  แต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป  อย่าใจร้อนด่วนได้นัก รอเจ้าเรียนวิชาแพทย์เสร็จก่อน  ขุนนางมากมายจะเชิญเจ้าไปตรวจรักษายามใกล้ตาย  จงระวังอย่าใจร้อน  พึงรู้ไว้ว่า  โลภมากย่อมเสียทั้งหมด”


เฉินจี้เข้าใจแล้ว  อาจารย์กลัวว่าตนจะบุ่มบ่าม  ใช้ของนี้ไปลอบสังหารขุนนางราชวงศ์หนิงเพื่อให้ได้กระแสน้ำแข็ง...


เขารีบกล่าว  “ท่านอาจารย์  ข้าไม่ได้ทำเพื่อเร่งความเร็วในการฝึกตน  แต่ทำเพื่อป้องกันตัว”


“อ้อ...”  เฒ่าเหยาพยักหน้า  แล้วนอนกลับลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่  “ดีแล้ว  เจ้าทำต่อไปเถอะ”


ในห้องโถงใหญ่  มีชายชราผ่อนคลายบนเก้าอี้ยาว  เด็กหนุ่มพับแขนเสื้อทำงาน  อีกากับแมวไล่จับกันเล่น  เงียบสงบดี


เฉินจี้พลันเอ่ย  “อาจารย์  ขอบคุณท่านมาก”


“ขอบคุณข้า?”  เฒ่าเหยาเลิกคิ้ว  “แค่เก็บค่าปิดปากหกตำลึงเงิน  ก็ทำเจ้าโง่ไปเลยหรือ?  อย่ามาเพ้อเจ้อกลางดึกเชียว  เงินเข้ามือข้าแล้วไม่คืนหรอก  อย่ามาเล่นไพ่ความรู้สึก”


เฉินจี้ยิ้มถาม  “อาจารย์  ฟ้าสร้างความมืดมน  แข็งอ่อนเริ่มพบกันแล้วเกิดภัยพิบัติ  เคลื่อนไหวท่ามกลางอันตราย  ติดขัดแรกเริ่ม  ผลทำนายนี้  ท่านแก้มันอย่างไรหรือ?”


นี่คือผลทำนายที่เฒ่าเหยาดูดวงก่อนเฉินจี้ไปตำหนักหวั่นซิง


เฒ่าเหยานอนบนเก้าอี้ไม้ไผ่  โยกไปโยกมาพลางหลับตาสนิท  นานครู่ใหญ่จึงเอ่ย  “ในทางตันเกิดโอกาสใหม่  ผู้ได้ผลทำนายนี้  เข้าตายออกเป็น”


เฉินจี้พยักหน้ารับ  “หมายความว่า  คืนนั้นที่ไปตำหนักหวั่นซิง  ไม่ใช่ท่านกลัวอันตราย  แต่ท่านทำนายออกมาว่า  เที่ยวนั้นจะได้กระแสน้ำแข็ง”


เฒ่าเหยาไม่ตอบ


เฉินจี้พูดต่อ  “ปากท่านบอกว่าอันตรายอย่ามายุ่ง  แต่คืนที่ข้าอยู่จวนโจวเฉิงอี้  ท่านก็ยังมาช่วยข้า”


อีกทั้ง  อาจารย์ท่านนี้ปากร้ายใจดี  หากไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใครจริงๆ  แล้วจะยอมให้เหลียงโก่วเอ๋อร์พักอยู่ในโรงยาสอนตนฝึกดาบได้อย่างไร?


ในโรงยาเงียบสงบ  อีกาจ้องมองเฉินจี้นิ่งๆ  แววตาดูเหมือนมีความชื่นชม


แต่เฒ่าเหยากลับเอ่ย  “นั่นเจ้าคิดเอาเองทั้งนั้น  อายุยังน้อยอยู่  เลิกเพ้อเจ้อไร้สาระดีกว่าน่า”


เฉินจี้กล่าวอย่างจริงจัง  “ไม่ว่าท่านจะพูดอย่างไร  ข้าก็ยังขอบคุณท่าน”


“ขอบคุณข้าทำไม?  ต่อไปอย่าเกลียดข้าก็พอแล้ว”  เฒ่าเหยาพูดเสียงเจือความเศร้า


“เกลียดท่าน?”


เฒ่าเหยาหัวเราะหึๆ  “เจ้าคิดว่า  ที่ข้ามอบวิถีฝึกตนให้เจ้าเป็นเรื่องดีหรือ?  ทุกคนตอนหนุ่มๆ ต่างเชื่อว่า  ขอเพียงตนมีพลังเหนือคนธรรมดา  ก็จะกลายเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในยุทธภพ  แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่า  วิถีฝึกตนคืออะไร?  มันคือคำสาปและกรงขัง  ที่คอยพันธนาการสิงกวนทั่วใต้หล้า”


เฉินจี้นิ่งเงียบไม่พูดอะไร


เฒ่าเหยาถอนใจ  “หลังมีวิถีการฝึกตนแล้ว  อาจารย์ต้องระวังศิษย์  พ่อต้องระวังลูก  พี่ต้องระวังน้อง  ครอบครัวดีๆ กลับแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ  เจ้าดูเหลียงโก่วเอ๋อร์สิ  มีความสุขไหม?  หากมีความสุข  เขาคงไม่ต้องดื่มสุรา...อีกอย่าง  สิ่งที่เจ้าควรกังวลตอนนี้คือ  หากพบสิงกวนคนอื่นที่ฝึกวิถี ‘เจ้าเขา’  ตัวเองจะรับมืออย่างไร”


เฉินจี้บ่นเสียงเบา  “แล้วทำไมท่านถึงไม่ฆ่าพวกเขาให้หมดก่อนส่งต่อให้ข้า?  เล่นทิ้งปัญหาไว้ให้แบบนี้...”


เฒ่าเหยาถลึงตา  “ยังจะโทษข้าอีกหรือ?  แล้วจะให้ทำยังไง  เอามาสิหนึ่งแสนตำลึงเงิน  ข้าจะไปฆ่าเขาให้เจ้า!”


เฉินจี้เปลี่ยนเรื่อง  “ตามความคิดของท่าน  ข้างนอกยังมีเจ้าเขาอีกกี่คน?”


เฒ่าเหยาครุ่นคิด  “ตอนนี้เจ้าใช้โสมหนึ่งรากจุดเตาไฟได้กี่เตา?”


“สองเตา”


เฒ่าเหยานอนหลับตาบนเก้าอี้ยาว  พูดเสียงเนิบนาบ  “ถ้าแบบนี้คำนวณง่าย  ก่อนเจ้าจะกลายเป็นเจ้าเขา  ข้าใช้โสมหนึ่งรากจุดเตาไฟได้สามเตา...ฉะนั้น  ข้างนอกน่าจะเหลือเจ้าเขาอีกแค่คนเดียว  รอข้าตายแล้ว  เจ้าใช้โสมหนึ่งรากก็จะจุดเตาไฟได้สามเตา  หากสังหารเจ้าเขาอีกคนนั้นด้วย  เจ้าใช้โสมหนึ่งรากก็จะจุดเตาไฟได้หกเตา  เริ่มหวั่นไหวขึ้นมาบ้างหรือยัง?”


ที่แท้จำนวนคนเพิ่มลดต่อการฝึกตน  กลับส่งผลชัดเจนถึงเพียงนี้


คิดถึงตรงนี้  เฒ่าเหยาบรรจงลุกขึ้นนั่ง  มองเฉินจี้ด้วยความตื่นตระหนกปนสงสัย  “ที่เจ้าปรุงวัตถุแข็งแกร่งดุดันนี่  ไม่ได้คิดจะใช้กับข้าใช่ไหม?!”


เฉินจี้อึ้งไปครู่  “ท่านคิดอะไรอยู่?  ข้าไม่มีทางทรยศท่านแน่  วางใจได้เลย”


เฒ่าเหยาไม่แสดงท่าทีเชื่อหรือไม่เชื่อ  “ใจคนเราไม่มีใครหยั่งรู้  เจ้าคิดอะไรในใจ  มีแต่เจ้าเองที่รู้”


เฉินจี้พิงโต๊ะบัญชี  ขณะทำดินประสิวให้บริสุทธิ์  ขณะครุ่นคิดว่า  อาจารย์ท่านนี้  ความจริงแล้วไม่ได้เย็นชาอย่างที่แสดงออก  เพียงแต่ไม่ว่าใครจะพยายามเข้าใกล้  เขาจะผลักไสให้ห่างเป็นพันลี้เสมอ


“อาจารย์  ท่านลงมือเอง...”  เฉินจี้พูดค้างไว้กลางคัน  ไม่รู้ว่าควรถามต่อหรือไม่


เฒ่าเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง  “เจ้าอยากถามว่า  ข้าสังหารลูกชายตัวเองกับมือใช่หรือไม่?  อา……คงคาใจมานานแล้วสินะ?  ในที่สุดก็ทนไม่ไหวต้องถามข้า”


“ท่านฆ่าเขาเพราะอะไร?”


เฒ่าเหยาหัวเราะเย็นชา  “เพราะข้าเบื่อที่เขาทำให้การฝึกตนของข้าล่าช้า  หมอหลวงแม้ไม่พึ่งเงินเดือน  แต่ละปีค่ารักษาจากขุนนางผู้ใหญ่ก็ได้หลายร้อยตำลึงเงิน  แต่จะไหวหรือกับค่าใช้จ่ายของเคล็ดวิชาเจ้าเขาที่แพงลิบลิ่ว?  ผู้ฝึกตนด้วยกันน้อยลงหนึ่งคน  ก็ใช้เงินน้อยลงตามไปด้วย  ข้าจึงลงมือฆ่าเขาเสียเอง”


เฉินจี้เพิ่งสกัดดินประสิวทั้งหมดเสร็จพอดี  เขาหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมือ  แล้วโยนผ้าผืนนั้นลงบนโต๊ะบัญชีอย่างไม่ใส่ใจ  “ท่านไม่ต้องมาขู่ข้าหรอก  หากท่านเป็นคนเช่นนั้นจริง  คงไม่รีบร้อนมอบมรดกวิชาให้เขาตั้งแต่แรก”


......


......


เฒ่าเหยาหลับตาสนิท  นิ่งเงียบอยู่นานก่อนจะเอ่ย  “ข้าใช้ชีวิตมาทั้งชาติ  ไร้ภรรยา  ไร้บุตรธิดา  ปีที่ 14 รัชสมัยเจิ้งเต๋อ  เดือนสิบสอง  ข้าเพิ่งเลิกงานจากโรงยาหลวง  กำลังเดินกลับบ้าน  หิมะก็ตกลงมาจากฟ้า  ข้าเห็นเด็กขอทานตัวน้อยนอนหนาวสั่นอยู่ใต้ชายคา  ตอนนั้นข้ายังมีใจเมตตา  จึงกลับไปต้มน้ำขิงร้อนๆ มาให้เขากิน”


“เด็กขอทานฟื้นขึ้นมา  ขอให้ข้ารับไว้อุปการะ  ข้าจึงถามว่าเป็นขอทานได้อย่างไร  เขาบอกว่าพ่อแม่ตายเพราะถูกเกณฑ์แรงงาน  ตัวเองถูกลุงป้าไล่ออกจากบ้าน”


“ตอนนั้นข้ายังไม่ได้แต่งงาน  รับเด็กขอทานมาเลี้ยงอาจไม่เหมาะ  จึงลังเลใจ  ขณะนั้นข้าเพิ่งเริ่มเรียนวิชาทำนาย  ลองทำนายถึงสิบครั้ง  ล้วนได้ผลแย่ที่สุด  แต่ข้าคิดว่าคงเพราะตัวเองยังเรียนไม่แตกฉาน  จึงไม่ได้เชื่อ  สุดท้ายข้าตัดสินใจลองเสี่ยงดวงดู  จึงถามวันเดือนปีเกิดของเขา”


“ปีที่ 4 รัชสมัยเจิ้งเต๋อ  วันที่ 12 เดือน 12   เกิดตอนกลางคืน  ยามฉิ่วสามเค่อ”  เฒ่าเหยาดูจะรู้สึกสะเทือนใจ  “ช่างบังเอิญเหลือเกิน  เกิดตรงกับเวลาสืบทอดวิชาของเคล็ดวิชาเจ้าเขาพอดี  ตอนนั้นข้าคิดว่านี่คงเป็นเวรกรรมที่ฟ้าประทานมา  จึงรับเขามาเลี้ยงเป็นลูก”


ตอนนี้เฉินจี้หยุดงานในมือแล้ว  นั่งขัดสมาธิบนพื้นข้างเก้าอี้โยก  ฟังอย่างเงียบๆ  อูหยุนนั่งอยู่บนไหล่ของเขา


เฒ่าเหยาพูดต่อช้าๆ  ‘ข้าไม่คิดแสวงหาวิถีอมตะ  จึงรีบส่งต่อวิชาเคล็ดวิชาเจ้าเขาให้เขาตั้งแต่อายุสิบหก  ข้าจำได้ว่า  ลมปราณมังกรแรกที่เขาดูดซับ  มาจากหยางเจียนเฉิงแห่งกระทรวงโยธา”


“เด็กคนนั้นฉลาดมาก  เรียนอะไรก็เข้าใจทันที  เรียนวิชาแพทย์จากข้าได้อย่างเชี่ยวชาญ  ในเมืองหลวงเต็มไปด้วยขุนนาง  เวลาข้างานล้นมือ  ก็ให้เขาไปตรวจรักษาแทน  แต่ข้าเริ่มสังเกตเห็นว่า  ขุนนางป่วยหนักที่ผ่านการรักษาของเขา  ไม่มีใครรอดสักคน  ข้าเริ่มสงสัย  จึงไปสืบหาความจริงยามค่ำคืน...ผู้ตรวจสอบหลิวแห่งสำนักตรวจสอบ  ป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง  ทั้งที่รักษาได้  เขากลับจ่ายใบสั่งยาพิษ”


“เขาฉลาดเกินไป  ฉลาดจนเข้าใจตำรายาอย่างทะลุปรุโปร่ง  แม้จะจ่ายยาพิษที่ขัดกัน  หมอคนอื่นก็ตรวจไม่พบ  คนเราน่ะ  พอฉลาดมากเกินไปก็มักจะหาทางลัด...”


“ข้าดุด่าเขา  ลงโทษให้คุกเข่าบนหิมะสามวันสามคืน  ตอนนั้นเขาคุกเข่าร้องไห้รับผิด  ข้านึกว่าเขาสำนึกจริงใจ  จึงไม่ได้ส่งตัวไปศาลหลวง  แต่ด้วยความใจอ่อนครั้งนี้  กลับก่อความผิดใหญ่หลวง”


“ในปีถัดมา  เขาระมัดระวังตัวมากขึ้น  ถึงขั้นแอบวางยาพิษในอาหารข้า  อีกาตัวแรกของข้าถูกเขาวางยาตาย”


พูดจบ  เฒ่าเหยามองไปยังอีกาในโรงยา  “ตัวแรกอยู่เป็นเพื่อนข้ายี่สิบเอ็ดปี  นี่เป็นตัวที่สอง  อยู่กับข้ามาห้าสิบสามปีแล้ว”


อีกากระพือปีกลงมาเกาะบนไหล่เฒ่าเหยา  ใช้จะงอยปากเขี่ยแต่งผมสีขาวให้อย่างเบามือ  อูหยุนก็กระโดดขึ้นไปบนที่วางแขนเก้าอี้โยก  ใช้อุ้งเท้าขนฟูตบหลังมือเฒ่าเหยาเบาๆ


เฉินจี้ถามด้วยความสงสัย  “แล้วหลังจากนั้นล่ะ  หลังท่านถูกวางยา  มีอะไรเกิดขึ้นอีก?”


เฒ่าเหยาส่ายหน้า  “ไม่อยากพูดต่อแล้ว  เหนื่อยแล้ว”


เฒ่าเหยาไม่ได้บอกว่าหลังถูกวางยาเกิดอะไรขึ้น  ไม่ได้บอกว่าสังหารบุตรบุญธรรมคนนั้นอย่างไร  ดูเหมือนยังมีความลับอื่นซ่อนอยู่


เฉินจี้นึกขึ้นได้ทันใด  คืนที่ตนออกมาจากจวนโจว  เฒ่าเหยาเคยทำนายเพื่อหลีกเลี่ยงเด็กขอทาน  ที่แท้หิมะครั้งนั้นในเดือน 12 ปีที่ 14 รัชสมัยเจิ้งเต๋อ  ได้ทำให้หัวใจของคนชรากลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว


โลหิตอันร้อนรุ่มและจิตใจดีงามในโลกมนุษย์  ดูเหมือนมักจะกลายเป็นเพียงเสียงถอนหายใจเสมอ


เฒ่าเหยาลืมตามองเฉินจี้  ในแววตาอันสงบนิ่งและเต็มไปด้วยความทุกข์  ราวกับมองผ่านเฉินจี้ไปเห็นอีกคนหนึ่ง  หรือมองผ่านเฉินจี้ไปเห็นตัวเองในอดีต


เฒ่าเหยาค่อยๆ ลุกขึ้น  เดินกลับเข้าห้อง  “วางใจเถอะ  ข้าจะไม่เป็นอุปสรรคให้เจ้านาน  เราไม่จำเป็นต้องมีความผูกพันฐานะอาจารย์กับศิษย์”


หลังจากเฒ่าเหยาหายเข้าไปในประตูห้องหลักแล้ว  อูหยุนร้องเหมียวขึ้นมา  “เขากลัวว่าท่านจะเป็นเด็กขอทานคนต่อไป”


เฉินจี้ทำเสียงรับในลำคอ  “ไม่หรอก”


เฒ่าเหยาพาเขามาอยู่ข้างจวนจิ้งอ๋อง  ทั้งจัดแจงอย่างพิถีพิถันให้เขาดูดซับกระแสน้ำแข็ง  ทั้งรับเหลียงโก่วเอ๋อร์มาสอนวิชาดาบให้  ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีเช่นไร  เฉินจี้จะไม่ลืมสิ่งที่เขาทำเพื่อตนเด็ดขาด


เดี๋ยวก่อน


หยุนหยางเคยบอกว่า  เฒ่าเหยาเป็นที่เคารพนับถือในโรงยาหลวงที่เมืองหลวง  แต่กลับเลือกมาเมืองหลัวกะทันหัน  มาอยู่ข้างจวนจิ้งอ๋อง...


จวนจิ้งอ๋อง?!


เฉินจี้ตระหนักถึงเรื่องหนึ่งอย่างฉับพลัน  ตามที่เขาคาดเดา  เฒ่าเหยาต้องการหาศิษย์คนใหม่ก่อนสิ้นชีพ  เพื่อสืบทอดเคล็ดวิชาเจ้าเขาต่อไป


แต่จะทำอย่างไรให้ศิษย์ของตนเติบโตได้รวดเร็ว?  


ต้องได้รับกระแสน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว


หากเป็นคนอื่น  ก็คงได้แต่เสี่ยงโชค  รอให้ขุนนางผู้มีอำนาจสิ้นชีพ


แต่เฒ่าเหยาชำนาญวิชาทำนาย  ย่อมคำนวณได้อย่างแม่นยำว่า  ที่ใดจะเกิดภัยพิบัติ  ที่ใดจะดูดซับกระแสน้ำแข็งได้!


เฒ่าเหยาลาออกจากราชการ  ย้ายมาอยู่เมืองหลัวอย่างกะทันหัน  ต้องเป็นเพราะทำนายได้ว่า  จวนจิ้งอ๋องจะประสบหายนะครั้งใหญ่!


(จบตอน)

______________

ลงทุกวันจันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ อาทิตย์

ปัจจุบันแปลถึงตอน: 0075

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#พระเอกฉลาด #นิยายแฟนตาซี #qingshan


Previous Next

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 0001 กลับสู่ศูนย์

ตอนที่ 0007 บุพการี

ตอนที่ 0010 ตำหนักหวั่นซิง