ตอนที่ 0052 ทรยศ



จิ้งอ๋อง  จูโหยวเซี่ยว


มารดาผู้เป็น ‘ลี่เฟย’ สิ้นพระชนม์แต่ยังเยาว์  จิ้งอ๋องน้อยจึงถูกอุปการะไว้ใต้พระบาทไทเฮาองค์ปัจจุบัน  เติบโตมาพร้อมกับจักรพรรดิหนิง  สนิทดุจพี่น้องร่วมสายโลหิต


ยามจักรพรรดิหนิงขึ้นครองราชย์ด้วยพระชนมายุ 11 พรรษา  จูโหยวเซี่ยวอายุ 14 ปี  ไทเฮาหลิวกุมอำนาจราชสำนัก


ในเวลาหกปี  จูโหยวเซี่ยวเสด็จไปทั่วทุกทิศ  ดึงขุนนางฝ่ายเหนือและองครักษ์ตรวจการมาเป็นพวกให้จักรพรรดิหนิง  บั่นทอนอำนาจเครือญาติฝ่ายนอก


จักรพรรดิหนิงทรงครองราชย์ด้วยพระองค์เองเมื่อพระชนมายุ 17 พรรษา  ครั้นพระชนมายุยี่สิบเอ็ดพรรษาจึงสถาปนาจูโหยวเซี่ยวเป็นจิ้งอ๋อง


แต่เดิมทุกอย่างสงบราบรื่น  ทว่าหลายปีมานี้  จิ้งอ๋องปฏิรูปการปกครองนอกวัง  ซ่อมแซมแม่น้ำบรรเทาภัยพิบัติ  จัดหาเสบียงให้กองทัพชายแดน  ชื่อเสียงเลื่องลือยิ่งขึ้นทุกที


สำนักพิธีการจึงเริ่มหาทางกลั่นแกล้งจวนจิ้งอ๋องทุกวิถีทาง  ขุนนางเก่าของจิ้งอ๋องหลายคนต้องติดคุกตะราง  แม้แต่ขันทีใหญ่ข้างกายจิ้งอ๋องก็ถูกเปลี่ยนเป็นคนใหม่จากสำนักพิธีการ


บ้างว่าจักรพรรดิหนิงกับจิ้งอ๋องเริ่มมีรอยร้าว  บ้างว่าจิ้งอ๋องค่อยๆ คิดคดทรยศ


แม้ปีกลายวันคล้ายวันประสูติครั้งที่ 42 ของจักรพรรดิหนิง  จิ้งอ๋องก็มิได้กลับเข้าเมืองหลวงเพราะติดภารกิจซ่อมแซมแม่น้ำบรรเทาภัยพิบัติ


พี่น้องแต่หนหลัง  กลับกลายเป็นคนแปลกหน้า


ก็เหมือนในนิทานของนักเล่า  ทุกคนเมื่อได้เป็นอ๋องแล้ว  ย่อมกลายเป็นคนน่าเบื่อไปสิ้น


เฉินจี้นึกถึงวิชาทำนายอันเลิศล้ำของอาจารย์  ในใจพลันเกิดความวิตกอย่างลึกซึ้ง  หากอาจารย์ตั้งใจจะยืมพลังมังกรจากจวนจิ้งอ๋องมาบ่มเพาะศิษย์จริง  เกรงว่าจวนจิ้งอ๋องคงข้ามผ่านหายนะครั้งนี้ไปไม่พ้น


กรมข่าวกรองราชวงศ์จิ่ง  กรมสืบลับราชวงศ์หนิง  ตระกูลหลิว  ราวกับวังวนมหึมาที่จะดูดจวนจิ้งอ๋องให้จมลงสู่ก้นทะเล


ดังคำกล่าวที่ว่า  ความมั่งคั่งหาได้จากความเสี่ยง  ที่ใดมีภัยพิบัติ  ที่นั่นย่อมมีกระแสน้ำแข็ง  อย่างอาจารย์ไหนเลยจะใช้วิชาทำนายเพื่อหลบเลี่ยงอันตราย  ชัดเจนว่าท่านกำลังใช้วิชาทำนายพาตนเหยียบหลุมใหญ่อย่างแม่นยำ!


อูหยุนกล่าวลาเฉินจี้แล้วปีนกำแพงกลับตำหนักหวั่นซิง


เฉินจี้ยืนอยู่ข้างโต๊ะบัญชีเพียงลำพัง  ครุ่นคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันอย่างเงียบงัน


ขณะกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น  ก็ได้ยินเสียงดังมาจากลานหลัง


ตุก  ตุก  ตุก!


เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากนอกประตู


เฉินจี้ขมวดคิ้ว  เวลานี้เป็นยามจื่อแล้ว  อีกสองชั่วยามเศษก็จะสว่าง  ยังมีใครมาเยือนอีกหรือ


จินจู?  ไม่รู้ว่าจินจูมาโรงยาเวลานี้มีเจตนาอันใด


เขาเดินไปเปิดประตู


ทว่าขณะที่ประตูหน้าโรงยาถูกดึงเปิดออก  เฉินจี้กลับใจเต้นรัวในชั่วพริบตา  ถอยหลังกรูดไปหลายก้าว!


จนกระทั่งพบว่าผู้มาเยือนไม่ใช่ใครอื่น  หากแต่เป็นอดีตคนดูแลหอไป๋ลู่  ผู้ดูแลหยวน  ซึ่งตายไปแล้ว!


ผู้ดูแลหยวนใบหน้าซีดขาว  รอยยิ้มน่าขนลุก  ทั่วกายแผ่กลิ่นอายเย็นเยียบ


เฉินจี้เคยเห็นกับตาตนเอง  สือเฉาบีบคางผู้ดูแลหยวนไว้แน่น  แล้วบรรจงปักมีดเข้าไปในหัวใจทีละนิ้ว  บิดหัวใจให้แหลกสลายทั้งดวง


คนที่หัวใจแหลกไปแล้ว  จะฟื้นคืนชีพได้อย่างไร!


ครืนนน...เสียงฟ้าร้องอันทุ้มหนักดังขึ้นบนฟ้า  เมฆดำปกคลุมเมืองหลัวเมื่อไรไม่ทราบ  ฝนเย็นเยียบเริ่มโปรยปราย


นี่เป็นฝนครั้งแรกนับตั้งแต่เฉินจี้มาถึงเมืองหลัว  ไม่เหมือนสายฝนฤดูใบไม้ร่วงที่ตกพรำละเอียด  มันทั้งลงเม็ดหนักและเร็ว


ท่ามกลางฟ้าแลบฟ้าร้อง  เฉินจี้ไม่ถอยหลังอีก  พลางชักดาบสั้นที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร  แทงตรงเข้าหาลำคอผู้ดูแลหยวน


แต่ดาบยังไม่ทันถึงตัว  ผู้ดูแลหยวนกลับยกมือขึ้นแผ่วเบา  เพียงสองนิ้วก็หนีบปลายดาบไว้ได้  ทำให้เฉินจี้ขยับต่อไม่ได้แม้แต่กระเบียดนิ้ว


ปลายดาบหยุดนิ่งเช่นนั้น  ราวกับกระแสเวลาแข็งค้างไป


ผู้ดูแลหยวนยิ้มพลางกล่าว  “ไม่ต้องตื่นตระหนกไป  ไม่ใช่วิญญาณผู้ดูแลหยวนมาหาเจ้าหรอก  ข้าเอง  สือเฉาแห่งกรมข่าวกรอง”


เฉินจี้ตกตะลึง  เขามองผู้ดูแลหยวนตรงหน้า  สีหน้าเป็นธรรมชาติ  ไม่มีความผิดปกติแม้แต่น้อย  ไหนเลยจะคิดว่านี่คือหน้ากากหนังมนุษย์


หน้ากากหนังมนุษย์?


สิ่งนี้เขาเคยได้ยินแต่ในนิทานเท่านั้น


ก่อนหน้านี้เขายังคิดอยู่ว่า  หลังจากผู้ดูแลหยวนตายอย่างไร้สาเหตุ  ใครจะมารับตำแหน่งหัวหน้าต่อ  ไม่คิดว่าจะเป็นสือเฉาเองที่ปลอมตัวเป็นผู้ดูแลหยวน


เฉินจี้ค่อยๆ คลายแรงในมือ  “ท่านสือเฉา  ขออภัย  ข้าไม่รู้ว่าเป็นท่าน”


กลับได้ยินสือเฉายิ้มปลอบโยน  “มีความระแวงเป็นเรื่องดี  ข้าจะโกรธเจ้าได้อย่างไร”


“ท่านสือเฉามาเยือนดึกดื่นเช่นนี้  มีธุระอันใดหรือ”


“ข้ามีข่าวร้ายต้องบอกเจ้า”  สือเฉากล่าวเสียงหนักแน่น  “ก่อนหน้านี้  เพื่อจัดแจงให้สายลับที่รู้ว่าเจ้ามีตัวตนถอนกลับไปทางเหนือ  สายลับระดับนกพิราบคนหนึ่งเกิดทรยศขึ้นมา  พวกเราตามหาเขามาสองวันแล้ว  แต่ยังไม่พบร่องรอย  ข้าสงสัยว่า  เขากำลังจะเปลี่ยนข้างไปเข้ากับกรมสืบลับราชวงศ์หนิง…หรือไม่ก็ทำไปแล้ว”


เฉินจี้รู้สึกหัวใจเต้นแรง


สายลับราชวงศ์จิ่งที่รู้ว่าเขามีตัวตน  เกิดทรยศแล้วหรือ?  นี่มิใช่จะทำให้เขาต้องตายหรือไร?


เฉินจี้ถามเสียงเข้ม  “เป็นสายลับคนใด  เขาเคยเห็นข้าหรือไม่”


สือเฉาเดินเข้ามาในโรงยา  หันกลับไปปิดประตูหน้าโรงยา  แล้วจึงกล่าวอย่างไม่รีบร้อน  “เขาเป็นสายลับใต้โจวเฉิงอี้  เคยเห็นเจ้าในจวนโจวเฉิงอี้”


เคยเห็นข้า?


เฉินจี้ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว  หากอีกฝ่ายเคยเห็นตนในจวนโจวเฉิงอี้  ก็ย่อมต้องรู้ว่าตนเป็นเด็กฝึกโรงยา


ตอนนี้สายลับคนดังกล่าวคงยังไม่ทรยศ  เพราะหากทรยศไปแล้วจริง  เกรงว่าจินจูคงพาคนมาบุกทำลายแล้ว


แต่เหตุใดอีกฝ่ายจึงหนีไป?


เฉินจี้แสร้งทำเป็นสงสัย  “การจัดแจงให้ถอนกลับไปราชวงศ์จิ่งทางเหนือ  มีอะไรไม่ดีหรือ?  ชีวิตไม่ต้องหวาดระแวงในราชวงศ์หนิงอีก  เหตุใดจึงทำให้เขาทรยศ?”


สือเฉาอธิบาย  “คนผู้นี้เป็นหนึ่งในสายลับมือดีที่สุดของกรมข่าวกรองข้า  ทำงานมักจะเด็ดขาดโหดเหี้ยม  ข้าส่งคนไปบอกให้เขาเตรียมตัวถอนกำลัง  แต่เขากลับคิดว่าเป็นการปิดปาก  จึงสังหารคนส่งสารแล้วหายตัวไป”


ไม่  ไม่  ไม่  คงไม่ง่ายขนาดนั้นแน่


เฉินจี้ขมวดคิ้ว


ด้วยนิสัยของสือเฉาคนนี้  เกรงว่าคงตั้งใจจะปิดปากจริงๆ  เพียงแต่คนที่เขาส่งไป  คงคาดไม่ว่าสายลับรายนี้จะรับมือได้ยากเย็น  กลับถูกอีกฝ่ายฆ่าตายเสียเอง


“ท่านสือเฉา  เขารู้หรือไม่ว่า  เหตุใดท่าน...จึงจัดแจงให้เขาถอนกำลัง?”  เฉินจี้ถาม


“แน่นอนว่าไม่มีการแจ้งเรื่องนี้”  สือเฉาตอบ


สรุปก็คือ  สายลับผู้แปรพักตร์ต้องยังไม่ทราบว่า  เหตุใดตนถึงถูกปิดปาก


แต่หากอีกฝ่ายหันไปเข้าข้างกรมสืบลับจริง  ย่อมจะคายทุกสิ่งที่รู้ออกมาจนหมดสิ้น  เมื่อถึงคราวนั้น...ตัวเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย!


“ท่านสือเฉา  ข้าขอถามว่า  เขาน่าจะซ่อนตัวอยู่ที่ใด...หือ?”  เฉินจี้สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ  จึงรีบก้าวถอยหลัง


แต่ความเร็วในการถอยของเขา  จะเทียบได้อย่างไรกับความเร็วในการไล่ตามของอีกฝ่าย?


เพียงชั่วลมหายใจเดียว  เฉินจี้ก็ถูกอีกฝ่ายใช้มือเดียว  บีบคอหอยจนลอยขึ้นกลางอากาศ


สือเฉาถอนหายใจ  “อย่าส่งเสียง  ไม่อย่างนั้นข้าต้องสังหารคนทั้งเรือน”


เฉินจี้ดิ้นรนสุดกำลัง  ใบหน้าแดงก่ำด้วยลมหายใจที่ติดขัด


แต่ต่อหน้าสือเฉาซึ่งเป็นสิงกวนที่ฝึกตนมานานปี  เขาผู้เพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่วิถีนี้  ย่อมไร้ทางต่อกร


เฉินจี้อยากตะโกนเรียก  ให้เหลียงโก่วเอ๋อร์ที่กำลังหลับสนิทออกมาช่วย  แต่ลำคอของเขากลับส่งเสียงไม่ออกเลยแม้แต่น้อย


เขาทำได้เพียงดิ้นรนใช้นิ้วเขียนบนหลังมือของอีกฝ่าย:  เหตุใดจึงฆ่าข้า?


สือเฉาไม่ตอบ  เพียงจ้องมองม่านตาของเฉินจี้อย่างเงียบงัน  ราวกับกำลังจ้องดูสัตว์ที่ตายแล้ว


ความคิดของเฉินจี้แล่นปราดเปรื่อง  ที่สือเฉาคิดจะฆ่าตน  เพราะอีกฝ่ายต้องการกวาดล้างบรรดาสายข่าว  ที่สายลับแปรพักตร์คนนั้นอาจคายออกมาจนหมดเปลือก


นี่คือนโยบายกวาดล้างที่หน่วยข่าวกรองต่างๆ นิยมใช้  งานข่าวกรองไม่ใช่เรื่องง่าย  เมื่อเกิดรอยรั่วแม้เพียงจุดเดียว  ก็ต้องถอนกำลังทั้งหมดหรือกวาดล้างให้สิ้น


หากสายลับผู้แปรพักตร์คายชื่อเฉินจี้ออกมา  เฉินจี้ก็อาจคายเรื่องหอไป๋ลู่ตามไปด้วย


หอไป๋ลู่คือแหล่งเงินทุนใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรมข่าวกรองราชวงศ์จิ่งในดินแดนราชวงศ์หนิง  จะปล่อยให้มีข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด!


เฉินจี้ใจร้อนรุ่ม  เร่งกวาดตามองไปรอบตัว  ค้นหาวิธีช่วยตัวเอง  แต่ดินปืนยังปรุงไม่เสร็จ  หรือต่อให้เสร็จแล้ว  ระยะใกล้เพียงนี้ก็คงได้แค่ตายพร้อมกับสือเฉาเท่านั้น


สองคำที่มีน้ำหนักที่สุดในโลกนี้  ยังคงไม่พ้นพลังและอำนาจ


เฉินจี้เคยวาดฝันจะพำนักในโรงยาอย่างสงบสุข  และเคยฝันจะร่อนเร่ในยุทธภพ  หนีห่างจากกรมสืบลับและกรมข่าวกรอง  แต่ความฝันทั้งสองนี้  หากปราศจากพลังและอำนาจค้ำจุน  ก็ล้วนได้เป็นเพียงความเพ้อฝัน


ฝึกตน!


ฝึกตนต่างหากที่สำคัญเหนืออื่นใด!


แต่ตอนนี้จะทำเช่นไร?


ขณะนั้นเอง  เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นที่โรงยาอีกครั้ง!


ตุก  ตุก  ตุก!


เสียงดังกล่าวฟังดูอึดอัดท่ามกลางม่านฝน  ฟังอย่างไรก็ผิดวิสัย!


รูม่านตาของสือเฉาหดเล็กลงฉับพลัน  เขารีบหิ้วเฉินจี้มายังมุมห้องโถงใหญ่  แววตาลังเลไม่แน่นอน  ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดว่า  ตนควรสังหารเฉินจี้เสียตรงนี้แล้วฝ่าออกไปหรือไม่


เขาหันมองเฉินจี้  เฉินจี้รีบใช้นิ้วเขียนบนหลังมือเขา:  ข้าจะจัดการเอง!


ภายในโรงยากลายเป็นเงียบสงัด  เหลือเพียงเสียงม่านฝนจากภายนอก


ครู่ต่อมา  สือเฉากล่าวเสียงต่ำ  “เจ้าคงรู้นะว่าควรทำอย่างไร  หากร้องขอความช่วยเหลือ  เจ้าจะต้องตายก่อน”


เฉินจี้ดิ้นรนพยักหน้ารับ


สือเฉาวางเฉินจี้ลง  บรรจงคลายมือ


เฉินจี้ลูบคอตนเอง  ถามด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง  “ใครกัน?”


คนนอกประตูกล่าวอย่างใจเย็น  “จินจู (สุกรทอง)  เปิดประตูเถิด  มีเรื่องจะหาเจ้า  ข้อตกลงเดียวกับหยุนหยางและเจียวถู่  ออกมือครั้งละห้าสิบตำลึงเงิน”


สือเฉากับเฉินจี้สบตากัน  เฉินจี้กดเสียงต่ำพูดเร็วๆ  “เขายังจับสายลับแปรพักตร์ไม่ได้  ไม่งั้นคงไม่พูดจาสุภาพเช่นนี้”


“แล้วเขามาทำอะไร?”


เฉินจี้กล่าวอย่างเร่งรีบ  “ต้องเป็นเพราะการตามล่าสายลับแปรพักตร์ของท่าน  ไปกระตุ้นกรมสืบลับเข้า  พวกเขาจึงอยากหาบุคคลนี้ให้พบก่อนพวกท่าน  นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง  ข้าจะอาศัยมือกรมสืบลับแกะรอยถึงเขา  ดูว่ากรมสืบลับรู้เบาะแสอะไรบ้างแล้ว”


สือเฉาสีหน้านิ่งสงบ  อ่านอารมณ์ไม่ออก  เสียงเร่งเร้าดังมาจากนอกประตูอีกครั้ง  “เจ้าหนุ่ม  รีบเปิดประตูเถอะ”


เฉินจี้กล่าวอีกครั้ง  “ท่านสือเฉา  แม้หยุนหยางกับเจียวถู่จะติดคุกแล้ว  แต่ข้าได้รับความไว้วางใจจากจินจูแล้วเช่นกัน  ยังคงเข้าใกล้เสนาบดีฝ่ายในได้เช่นเดิม  ข้ารู้ว่าท่านห่วงหอไป๋ลู่  ข้าเองก็ห่วงเช่นกัน  นี่คือความจงรักภักดีของข้าต่อราชวงศ์จิ่ง  วางใจเถอะ  ข้าจะต้องหาสายลับแปรพักตร์นั่นให้เจอ  และหาทางกำจัดเขา!”


สือเฉาหรี่ตาเล็กน้อย  “ก่อนจะทำอะไร  คิดถึงผลที่ตามมาให้ดี  หากเจ้าขอความช่วยเหลือจากจินจู  ย่อมเปิดโปงตัวตนสายลับราชวงศ์จิ่งของเจ้าแน่  ถึงตอนนั้น  แม้เจ้าจะยอมสวามิภักดิ์  แต่จินจูก็คงไม่ไว้ชีวิต  เจ้าก็รู้ดีว่าพวกเขาเกลียดชังฝ่ายเรามากเพียงใด”


“ข้าเข้าใจ!”


สือเฉาค่อยๆ ถอยเข้าไปหลบหลังโต๊ะบัญชีแล้วย่อตัวลง  เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ


เฉินจี้จัดแต่งปกเสื้อ  ปกปิดรอยบีบคอ  พลางเดินไปยังประตู  แล้วดึงบานประตูเปิดออก


ด้านนอกประตู  จินจูสวมเสื้อฟางกันฝน  สวมงอบ  ยืนอยู่ท่ามกลางม่านฝนที่โปรยปรายลงมา  “ทำไมถึงชักช้านัก?”


ด้านหลังจินจู  ยังมีสายลับอีกสิบกว่าคนสวมเสื้อฟางกันฝนยืนเรียงรายอย่างสงบนิ่ง


เฉินจี้กล่าวเสียงต่ำ  “เมื่อครู่มีคนตื่นมาปัสสาวะกลางดึก  จึงเสียเวลาไปบ้าง...ท่านจินจูมาถึงที่นี่มีธุระอันใดหรือ?”


จินจูกล่าว  “ตามข้ามา  ทางเราจับสายลับกรมข่าวกรองได้คนหนึ่งที่ตรอกชุดแดง  ดูเหมือนทางนั้นกำลังตามจับสายลับแปรพักตร์อยู่  เราต้องเร่งมือหาคนคนนี้ให้เจอก่อน  บุคคลนี้สำคัญมาก!”


พูดจบ  จินจูก็ให้คนโยนเสื้อฟางกันฝนให้เฉินจี้ชุดหนึ่ง


เฉินจี้สวมเสื้อฟางกันฝน  พลางกวาดตามองโต๊ะบัญชีในโรงยาอย่างไม่ใส่ใจนัก


สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ชี้ตัวสือเฉาออกมา  เพียงสวมเสื้อฟางกันฝนให้เรียบร้อย  แล้วหันหลังเดินออกไปท่ามกลางสายฝนรุนแรง


(จบตอน)

______________
ลงทุกวันจันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ อาทิตย์
ปัจจุบันแปลถึงตอน: 0077
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#พระเอกฉลาด #นิยายแฟนตาซี #qingshan

Previous Next

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 0001 กลับสู่ศูนย์

ตอนที่ 0007 บุพการี

ตอนที่ 0010 ตำหนักหวั่นซิง