ตอนที่ 0053 แบ่งความดีความชอบ
ในคืนมืดมิดที่ฝนตกกระหน่ำ สายลับสิบกว่านายเร่งเดินทางอย่างเงียบงัน ปล่อยให้ม่านฝนโปรยปรายลงบนเสื้อฟางกันฝนและงอบ
พอเลี้ยวผ่านหัวถนนอันซี ก็มีหน่วยสืบลับนำม้าศึกสิบกว่าตัวออกมา ทุกคนพลิกตัวขึ้นหลังม้า ควบม้าตรงไปยังตลาดบูรพาอย่างรวดเร็ว
เสียงกีบม้ากระทบแอ่งน้ำดังกึกก้อง ราวกับพื้นดินผลิบานเป็นดอกคลื่นดอกแล้วดอกเล่า
เฉินจี้รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ขณะนี้ในใจยังคงหวาดผวาไม่หาย ได้แต่กำบังเหียนแน่น เพื่อให้เข้ากับจังหวะม้าที่ควบห้อ พยายามไม่ให้ตกจากหลังม้า
ความเจ็บปวดตรงลำคอ ทำให้เขาเกือบเข้าใจผิดว่า สือเฉาผู้นั้นยังคงบีบคอเขาอยู่
ทว่าในใจของเฉินจี้ยังมีข้อสงสัยอีกมากมาย...
จินจูขี่ม้าอยู่ หันมามองเขาแล้วถาม “วันนี้เจ้าดูแตกต่างจากทุกวัน ดูครุ่นคิดหนักใจ เป็นอะไรไปหรือ? โรงยาไท่ผิงเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่”
เฉินจี้ใจหล่นวูบ จินจูผู้นี้เชี่ยวชาญการสังเกตสีหน้าท่าทาง แม้แต่ร่องรอยเล็กน้อยก็ไม่มองข้าม
เขารวบรวมสติเต็มที่แล้วตอบ “ขอเรียนท่านจินจู ตอนค่ำข้าถูกอาจารย์ต่อว่าเล็กน้อย กำชับไม่ให้ออกไปข้างนอกบ่อยๆ ต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียน”
จินจูทราบดี เฉินจี้กำลังบอกเป็นนัยว่า ‘ถ้าไม่มีอะไรอย่ามาหาข้า’ แต่กลับแสร้งทำไขสือ เพียงยิ้มแล้วพูดว่า “หมอหลวงเหยาน่ะหรือ? ปีก่อนๆ ข้าเจอท่านบ่อยในเมืองหลวง ตอนท่านอยู่ในเมืองหลวงเคยรักษาโรคขาของอัครเสนาบดีฝ่ายในจนหายขาด พวกเรากรมสืบลับทั้งบนล่างต่างนับถือท่านมาก ไม่เป็นไรหรอก เจ้าบอกความจริงกับท่านเถอะ ว่าตัวเองเป็นสายลับ ท่านจะเข้าใจเจ้าเอง”
เห็นเฉินจี้ไม่พูดอะไร จึงปลอบใจด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เจ้ากังวลว่า การจับกุมสายลับราชวงศ์จิ่งวันนี้ จะอันตรายเกินไปหรือ? วางใจเถอะ กรมสืบลับเรามีแต่ทหารเก่ง แม่ทัพฝีมือดี ไป๋หลงกับเสวียนเซ่อในเมืองหลวงไล่ตีหัวหน้ากรมข่าวกรองราชวงศ์จิ่งจนไม่กล้าโผล่หน้า ซือโก่วกับเป่าโหวที่จินหลิงก็กดพวกมันจนแทบหายใจไม่ออก แผ่นดินนี้ยังเป็นของราชวงศ์หนิงของเรา ไม่ปล่อยให้พวกมันทำตามอำเภอใจได้หรอก”
เฉินจี้ได้ยินคำพูดนี้ กลับจมดิ่งในความคิดทันที
กรมสืบลับราชวงศ์หนิงมีสิบสองนักษัตรคอยประจันหน้า แต่กรมข่าวกรองราชวงศ์จิ่ง เหลือแค่สือเฉาคนเดียวคอยค้ำจุนอยู่หรือ?
ต้องไม่ลืมว่า ในระบบกรมข่าวกรองราชวงศ์จิ่ง ตำแหน่งเหนือสือเฉาขึ้นไป ก็คือหัวหน้ากรมแล้ว มีแค่สองคนนี้แบกรับกรมข่าวกรองใหญ่โตทั้งกรม มองยังไงก็ดูกำลังน้อยเหลือเกิน
แต่กระนั้น เรื่องดังกล่าวกลับทำให้เฉินจี้เกิดข้อกังขาในใจ สือเฉาที่เขาพบวันนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่คนเดียวกับที่พบครั้งก่อน
ที่หอไป๋ลู่ ตอนสือเฉาฆ่าคนจะเลี่ยงไม่มองตาเหยื่อ แต่คืนนี้ อีกฝ่ายกลับจ้องตาเขาไม่ลดละ ราวกับชอบมองแววตาที่ค่อยๆ สูญเสียชีวิตชีวาของคนตาย
ที่หอไป๋ลู่ สือเฉาชอบใช้มีด แม้จะเจอคนกระจอกอย่างเขา ก็ต้องชักดาบสั้นออกมา แต่คืนนี้ สือเฉากลับไม่ได้ใช้มีด
ที่หอไป๋ลู่ สือเฉาพูดถึงลุงของตนเองหลายครั้ง แต่คืนนี้อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยถึงแม้แต่คำเดียว
เฉินจี้ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกประหลาด ใต้หน้ากากของสือเฉานั้น เป็นคนคนเดียวกันหรือไม่ หากเป็นคนเดียวกันจริง งานประจำวันที่หอไป๋ลู่ก็วุ่นวายพอแล้ว สือเฉาจะมีเวลาที่ไหนไปจัดการทุกเครือข่ายข่าวกรองของกรม
เฉินจี้ถามขึ้นทันใด “ท่านจินจู หัวหน้ากรมข่าวกรองผู้นั้น ซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวงราชวงศ์หนิงของเราหรือ?”
จินจูพยักหน้า “อืม อย่างน้อยข่าวที่ได้มาก็เป็นแบบนั้น แต่สายลับที่เราจับได้ระดับยังต่ำเกินไป จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครเคยเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขา”
เฉินจี้ถามต่อ “แล้วที่จินหลิง ใครจากกรมข่าวกรองแฝงตัวอยู่หรือ?”
“ก็ต้องเป็นสือเฉาแห่งกรมข่าวกรองสิ แต่ไม่รู้ว่าคราวนี้ใครมาเมืองหลัว”
เฉินจี้จมดิ่งในความคิด
......
......
จินจูมองมายังเฉินจี้ ยิ้มแล้วถามว่า “ทำไมถึงถามเรื่องสือเฉากับหัวหน้ากรมของพวกมันล่ะ? อยากจับให้ได้หรือ? มีความทะเยอทะยานดี! ถ้าจับได้จริง เจ้าอาจได้เลื่อนเป็นสิบสองนักษัตรทันทีเลย เมื่อถึงตอนนั้น เคล็ดวิชาฝึกตนจะไม่ขาด อัครเสนาบดีฝ่ายในจะรับประกันความก้าวหน้าของเจ้า”
“หือ เคล็ดวิชาฝึกตน?” เฉินจี้ถามอย่างสงสัย “อัครเสนาบดีฝ่ายในมีเคล็ดวิชาฝึกตนเยอะหรือขอรับ?”
จินจูหัวเราะฮ่าๆ “อัครเสนาบดีฝ่ายในเป็นใครกัน? สิบปีก่อนตอนปราบยุทธภพ ท่านเก็บรวบรวมของดีมาไม่น้อยเลยล่ะ ไม่งั้นเจ้าคิดว่า ทำไมหยุนหยางกับเจียวถู่ถึงอยากสร้างความดีความชอบนัก? ไม่ใช่เพราะวิชาติดอยู่ที่ขั้นต้นหรอกหรือ ถ้าอยากทะลวงขั้น แสวงหนทาง ก็ต้องสร้างความชอบใหญ่ถึงจะได้”
เฉินจี้คิดในใจว่า ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ มิน่าเล่า เสนาบดีฝ่ายในถึงควบคุมเหล่าสิงกวนได้
เขาถามต่อ “ท่านจินจู ในเมื่อจับสายลับราชวงศ์จิ่งได้แล้ว อีกฝ่ายน่าจะรู้ว่าคนที่ต้องจับเป็นใคร หน้าตาเป็นอย่างไร แล้วทำไมยังต้องเรียกข้ามาอีกล่ะ?”
จินจูหัวเราะ “ข้าเองก็มีแผนของข้า”
เฉินจี้ขมวดคิ้ว เพราะไม่เข้าใจเจตนาของจินจูเลย
จินจูต่างจากหยุนหยางและเจียวถู่อย่างเห็นได้ชัด ใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา แต่กลับเหมือนหลุมลึกไร้ก้นที่มองไม่ทะลุ คาดเดาไม่ออก
ทุกคนฝ่าม่านฝน จนในที่สุดก็มาถึงตรอกชุดแดง
ตรอกชุดแดงคือสถานที่คึกคักที่สุดในยามราตรีของเมืองหลัว ทั้งหอคณิกา บ่อนการพนัน ร้านอาหารเรียงรายเป็นทิวแถว หากร้านใดอยากสร้างชื่อเสียงในเมืองหลัว ก็ต้องเปิดในตรอกชุดแดงให้ได้
ขณะนี้ บนอาคารที่สว่างไสวเรียงรายสูงต่ำ ม่านฝนชะล้างหลังคา แล้วไหลจากชายคาลงมาเป็นม่านน้ำ
ไม่รู้ว่ามีแม่นางกี่คนสวมเสื้อผ้าสีสันสดใส โบกมือหยอกเย้าลูกค้าที่สัญจรไปมาเบื้องล่าง แม้ฝนตกหนักก็ไม่อาจขัดขวางความร้อนแรงของตรอกชุดแดงได้
ทว่าเมื่อกรมสืบลับสิบกว่าม้ามาถึง บรรดาแม่นางและลูกค้าทั้งหลาย พอเห็นงอบกับเสื้อฟางกันฝนที่แผ่ไอสังหารโหดเหี้ยม ก็พากันหนีเข้าไปในอาคาร บางคนกระทั่งรีบดับเทียนในห้องทิ้ง
เพียงชั่วไม่กี่อึดใจ ร่างของกรมสืบลับเปรียบดังน้ำเย็นสาดลงมา ตรอกชุดแดงอันกว้างใหญ่ก็เงียบเหงาราวกับนกกาหายไปสิ้น ปราศจากสุ้มเสียงใดๆ
จินจูหัวเราะพลางหันมามองเฉินจี้ “เห็นหรือยัง กรมสืบลับคืออะไร? นี่แหละกรมสืบลับ!”
ทุกคนกระโดดลงจากหลังม้าที่หน้าบ่อนพนันชื่อ ‘เฉาชาง’ แล้วเดินตรงเข้าไปข้างใน
เฉินจี้กลับพบว่า ภายในบ่อนดังกล่าว ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด ได้ถูกหน่วยสืบลับนับสิบนายควบคุมเอาไว้ นักพนันและ ‘เป๋าตังค์’ ต่างหมอบคุกเข่าอยู่มุมหนึ่ง
เป๋าตังค์ในยุคนี้ก็คือผู้ทำหน้าที่เดียวกับ ‘ดีลเลอร์’ ในบ่อนการพนัน หรือที่เรียกอีกอย่างว่าเสมียน
จินจูกดเสียงต่ำ เอ่ยถามคนของตัวเอง “สายลับที่แปรพักตร์นั่นอยู่ไหน?”
หน่วยสืบลับนายหนึ่งคารวะก้มกายตอบ “ใต้เท้า มันอยู่ชั้นบนขอรับ ตอนนี้ยอมสารภาพแล้ว เพียงแต่ต้องการบอกกับท่านด้วยตนเอง โดยแจ้งว่ามีเงื่อนไขจะเจรจา”
“นำทางไป!”
เฉินจี้ยืนอยู่ข้างหนึ่ง ในใจตกตะลึงอย่างบอกไม่ถูก กรมสืบลับจับตัวสายลับแปรพักตร์ได้แล้วหรือ?!
หากเราขึ้นไปข้างบนตอนนี้ ย่อมต้องถูกอีกฝ่ายจดจำได้ทันทีเลยมิใช่หรือ?
จะทำอย่างไรดี ตีฝ่าฆ่าฟันออกไป?
หน่วยสืบลับมากมายถึงเพียงนี้ ด้วยฝีมือสิงกวนระดับเพิ่งเริ่มฝึกอย่างเรา แม้จะรับมือหน่วยสืบลับหนึ่งถึงสองนายได้ แต่จะมีหนทางใดฆ่าฟันออกไป?
จินจูเดินขึ้นบันได หันกลับมามองเฉินจี้ด้วยความสงสัย “เหตุใดจึงไม่ขึ้นมา? เรายังมีธุระอีกมากที่ต้องทำ อย่ามัวเสียเวลาเลย”
เฉินจี้กล่าว “ใต้เท้า ข้าอยากตรวจดูชั้นล่างก่อน ว่ายังมีสายลับคนอื่นแฝงตัวอยู่ในหมู่นักพนันหรือไม่”
จินจูยิ้มพลางโบกมือ “ไม่ต้องๆ รีบขึ้นมาเถิด”
เฉินจี้ไร้ทางเลือก ได้แต่กดงอบให้ต่ำลง ฝืนใจเดินขึ้นไปชั้นบน
เมื่อมาถึงชั้นสอง จินจูผลักประตูห้องข้างๆ เปิดออก เผยให้เห็นบุคคลหนึ่ง ถูกแขวนอยู่บนเพดาน สองมือถูกมัดด้วยเชือกป่าน ห้อยแขวนจากคานบ้าน รอบข้างมีหน่วยสืบลับสี่นาย มือแตะดาบตรงเอวคอยคุมเชิง
เฉินจี้ค่อยๆ เงยหน้ามอง กลับต้องตกตะลึงเมื่อพบว่า ผู้ที่ถูกแขวนนั้น ใบหน้าเขียวคล้ำ เลือดไหลออกจากเจ็ดทวาร บัดนี้ตายสนิทแล้ว
คนตายย่อมไม่อาจชี้ตัวข้าได้!
ฝ่ามือเฉินจี้ชาเล็กน้อยจากความตึงเครียด แต่ก็ข่มใจให้สงบเพื่อเอ่ยถามว่า “ท่านจินจู หากเป็นสายลับที่แปรพักตร์ ก็นับว่าสำคัญยิ่งนัก เหตุใดจึงสังหารทิ้งเล่า?”
“คนผู้นี้มิใช่สายลับแปรพักตร์นั่น หากแต่เป็นสายลับที่รับผิดชอบการตามล่าสายลับแปรพักตร์คนนั้นอีกที...พูดแล้วลิ้นพันกันจริงๆ! ฮ่าๆ คนผู้นี้หลังจากถูกพวกเราจับได้ ก็กัดยาพิษฆ่าตัวตายทันที” จินจูกล่าวพลางหัวเราะ
หัวใจของเฉินจี้กลับมาหวั่นไหวอีกครั้ง สายลับแปรพักตร์คนนั้นยังไม่ตาย!
เห็นจินจูเดินวนรอบศพสายลับที่ถูกแขวนพลางชื่นชม “สายลับราชวงศ์จิ่งทุกคนล้วนเป็นมือสังหาร พวกเขาโหดร้ายกับผู้อื่น แต่โหดร้ายกับตนเองยิ่งกว่า หลายปีมานี้ กรมสืบลับของข้ากว่าจะจับเป็นได้สักคนช่างยากเย็นแสนเข็ญ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด?”
เฉินจี้ส่ายหน้า “ไม่ทราบ”
“ประการแรก เพราะพวกมันชำระล้างกันเองได้รวดเร็ว เพียงพบว่ามีคนถูกจับได้ ก็จะกำจัดทั้งสายข่าวจากบนลงล่างทันที สละเบี้ยเพื่อรักษาตัวหมาก ฆ่าคนไม่กี่คนเพื่อรักษาภาพรวม นับเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด ดังคำกล่าวที่ว่า คนใจบุญไม่ควรค้าขาย คนใจอ่อนไม่ควรคุมทัพ หัวหน้ากรมข่าวกรองผู้นั้น ฝีมือช่างร้ายกาจจริงๆ”
“อีกประการหนึ่ง พวกเขาเลือกเฉพาะสายลับที่มีครอบครัวมาแฝงตัว หากสายลับทรยศ ก็จะจับกุมครอบครัวในราชวงศ์จิ่งทั้งตระกูล กรณีของคนหนุ่มสาว ผู้ชายจะกลายเป็นทาส ผู้หญิงเป็นโสเภณี ส่วนคนแก่ก็ประหารทิ้งทันที”
เฉินจี้ใจหนักอึ้ง การต่อสู้ระหว่างสายลับสองราชวงศ์ช่างโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้
เขาเอ่ยถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านจินจูมีแผนการต่อไปอย่างไร? ต้องการให้ข้าไปตามหาร่องรอยสายลับแปรพักตร์นั่นหรือไม่”
“ไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้พวกเรารู้เพียงว่า สายลับคนนั้นได้รับบาดเจ็บ แต่เดิมจะสืบด้วยกลิ่นคาวเลือด แต่ไม่นึกว่าฝนหนักจะชะล้างร่องรอยไปหมด ตอนนี้คงหายากแล้ว แต่ไม่เป็นไร...” จินจูหันไปมองหน่วยสืบลับข้างกาย “หลังจากพวกเราเข้ามา มีใครแอบไปแจ้งข่าวบ้างหรือไม่?”
หน่วยสืบลับกล่าวเสียงเบา “ก็หน่วยสืบลับที่ท่านสงสัยคนนั้นแหละ แสร้งทำเป็นเข้าส้วมไปแล้ว”
“ปล่อยเขาไปเถอะ พวกเราจะรออยู่ที่นี่ ให้สายลับราชวงศ์จิ่งมาฆ่าปิดปาก!”
เฉินจี้พลันกระจ่างทันที คืนนี้จินจูจับสายลับแปรพักตร์ไม่ได้ และไม่คิดจะจับแต่แรกแล้ว
กรมสืบลับปิดล้อมบ่อนทั้งหลัง ปิดกั้นข่าวสาร แล้วประกาศออกไปภายนอกว่า จับสายลับแปรพักตร์ได้แล้ว ก็เพื่อล่อให้สือเฉาแห่งกรมข่าวกรองมาฆ่าปิดปาก!
จินจูพนันว่า กรมข่าวกรองราชวงศ์จิ่งก็ยังจับสายลับแปรพักตร์ไม่ได้เช่นกัน จึงต้องมาฆ่าปิดปาก...ไหวพริบยอดเยี่ยมจริงๆ!
คนแบบนี้รับมือได้ยากกว่าหยุนหยางและเจียวถู่มากนัก!
เฉินจี้นิ่งเงียบครู่หนึ่ง “ท่านจินจู แล้วเหตุใดจึงเปิดเผยทุกอย่างกับข้า?”
จินจูยิ้มพลางจับมือทั้งสองของเขา “เจ้าอาจไม่ทราบ ข้ากับเจียวถู่และหยุนหยางนั้นต่างกัน พวกเขาชอบแย่งความดีความชอบ ส่วนข้าชอบมอบความดีความชอบ!”
“หือ?” เฉินจี้สงสัย
จินจูตบหลังมือเขา “สองนักฆ่านั่น คลั่งการฝึกตน อยากเอาความดีความชอบไปแลกเคล็ดวิชาให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น แต่ข้าไม่มีความทะเยอทะยานแบบนั้น ไม่แสวงหาความเป็นอมตะด้วย นั่งตำแหน่งสิบสองนักษัตรได้ก็ไม่ง่ายแล้ว หากจะขึ้นไปสูงกว่านี้ เห็นทีคงต้องตอนอัณฑะเข้าวัง ไปแทนที่ท่านอู๋ซิ่วสถานเดียว ข้าไม่สนว่าจะเป็นสามอันดับบนหรือเก้าอันดับล่าง เก้าอันดับล่างก็ดีอยู่แล้ว ฟ้าถล่มก็มีคนตัวสูงคอยค้ำไว้!”
เฉินจี้อึ้งไป ท่านจินจูผู้นี้ ช่างเข้าใจหลักทางสายกลางยิ่งนัก
จินจูกล่าวต่อ “ข้าชอบผูกมิตร อัครเสนาบดีฝ่ายในทรงมีคำสั่งเจาะจงให้เจ้าเข้ากรมสืบลับ ข้าจึงมั่นใจว่าเจ้าถูกท่านหมายตาแล้ว ครั้งสุดท้ายที่มีการอนุมัติพิเศษให้เข้ากรมสืบลับแบบนี้ ก็คือกรณีของเทียนหม่า…” (อาชานภา)
“อ้อ…”
จินจูยิ้ม “เจ้ารู้หรือไม่ว่า ตอนเทียนหม่าเริ่มเป็นหน่วยสืบลับ อยู่ใต้บังคับบัญชาของใคร? แน่นอนว่าเป็นข้า เมื่อครั้งนั้น ข้าค่อยๆ ช่วยเขาสร้างความดีความชอบ จนส่งเขาขึ้นไปนั่งตำแหน่งเทียนหม่าได้ บัดนี้เขาได้เป็นสามอันดับบนแล้ว ย่อมไม่ลืมมิตรไมตรีที่ข้าเคยหยิบยื่น วางใจเถิด ข้าไม่กลัวว่าเจ้าจะมีตำแหน่งสูงกว่าข้าในอนาคต ยิ่งพวกเจ้านั่งตำแหน่งสูงเท่าไรก็ยิ่งดี...ขอแค่ไม่ลืมข้าก็พอ”
“ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ท่านเรียกข้ามาก็เพื่อ...”
“คืนนี้หากจับสายลับราชวงศ์จิ่งได้ ความดีความชอบเป็นของเจ้าครึ่งหนึ่ง ของข้าครึ่งหนึ่ง”
(จบตอน)
______________
ลงทุกวันจันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ อาทิตย์
ปัจจุบันแปลถึงตอน: 0083
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#พระเอกฉลาด #นิยายแฟนตาซี #qingshan
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น