ตอนที่ 0022 อัจฉริยะ



เฉินจี้จ้องมองมือสังหารสิ้นใจอย่างเงียบงัน  แววตาของอีกฝ่ายมอดดับลงทีละนิด


ขณะสบตากับผู้วายชนม์  ย่อมเกิดความสังเวชใจขึ้นโดยปริยาย  ในดวงตาที่ดับวูบนั้นเต็มไปด้วยความเสียดาย  สิ้นหวัง  และอาลัยอาวรณ์


เฉินจี้นั่งพิงกำแพง  รู้สึกว่าคืนนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน  ทั้งที่เพิ่งผ่านมาแค่ไม่กี่ชั่วยามนับจากตอนอูหยุนซัดแมวขาว  แต่เขากลับรู้สึกเหมือนผ่านฤดูใบไม้ร่วงมาทั้งฤดู


เขาลุกขึ้น  เดินไปข้างศพมือสังหาร  ค้นตามเสื้อผ้าของอีกฝ่าย  แต่ไม่พบเบาะแสใดเลย


ในที่สุด  เขาก้มลงดมกลิ่นบนเสื้อผ้าศพ  แล้วขมวดคิ้วทันที  “ไปกันเถอะ  กลับบ้าน”


เฉินจี้อุ้มอูหยุน  เดินโขยกเขยกไปทางโรงยาไท่ผิง  ตรงที่โดนมือสังหารฟาดเมื่อครู่ยังปวดแปลบอยู่ไม่เบา


อูหยุนปีนขึ้นไปบนบ่าเขา  ขดตัวอยู่บนบ่านั้นอย่างมั่นคง  ราวกับมันควรจะขดอยู่ตรงนี้มาแต่ไหนแต่ไร


หนึ่งคนหนึ่งแมวเดินโซเซไป  ท่ามกลางแสงอรุณอันริบหรี่  เฉินจี้เอ่ยว่า  “พอเราเดินถึงโรงยา  ร้านอาหารเช้าน่าจะเปิดแล้ว  จะซื้อซาลาเปาให้เจ้ากินนะ”


อูหยุนกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที  “ท่านไปขอเงินแปดเหรียญจากหยุนหยางเมื่อครู่  เพื่อจะซื้อซาลาเปาให้ข้าหรือ?!”


“ใช่สิ”


“เฉินจี้  ท่านเป็นคนดีจริงๆ”


“แน่นอนอยู่แล้ว”


“เฉินจี้  ขอให้ท่านร่ำรวยเงินทองในอนาคต!”


“รอให้ข้าฝึกตนจนเก่งกาจ  จะไม่ต้องทนกลืนความอัปยศจากหยุนหยางกับเจียวถู่อีก!  ถึงตอนนั้น  คนขวางก็ฆ่าคน  ขอพระเจ้...บรรพชนคุ้มครอง!”


“ท่านจะแก้แค้นหยุนหยางกับเจียวถู่ในอนาคตหรือไม่?”


เฉินจี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง  “แน่นอน”


“เฮะๆๆ”


“เฮะๆๆ”


กลับถึงโรงยา  ไก่ขันแล้ว  แต่หลิวฉวีซิงกับเซ่อเติงเค่อยังไม่ตื่น


อูหยุนกินซาลาเปาไปสองลูกแล้วกลับตำหนักหวั่นซิง  ส่วนเฉินจี้ยืนอยู่ในลาน  ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออก  ใช้กะลาน้ำเต้าตักน้ำเย็นจากโอ่ง  ราดลงบนศีรษะและร่างกาย  จนกระทั่งคราบเลือดชะล้างหมดสิ้น  จนกระทั่งทั้งตัวแดงก่ำ  จึงหยุด


เขาเปลี่ยนเป็นเสื้อขาดที่ยังไม่ทันได้ปะชุน  นั่งเหม่อลอยบนเก้าอี้ตัวเล็กข้างต้นแอปริคอต


ภายในเวลาไม่กี่วัน  เขาฆ่าคนไปแล้วสามคน  หวังหลง  พ่อบ้าน  มือสังหาร


ต่อให้จิตใจแน่วแน่เพียงใด  ก็ย่อมหวั่นไหวบ้าง  ยิ่งเฉินจี้อายุเพียงสิบเจ็ดปีด้วยแล้ว


เสียงเปิดประตูดังมาจากข้างนอก  ขัดจังหวะความคิดของเฉินจี้


เขาเช็ดตัวให้แห้ง  สวมเสื้อผ้าแล้วเดินออกไปข้างนอก  พลันเห็นหมอเฒ่าเหยาสะพายกล่องยาข้างเดียว  เดินเข้ามาอย่างเอื่อยเฉื่อย


หมอเฒ่าเหยาเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง  ชั่วพริบตานั้น  ร่างเฉินจี้แข็งทื่อ  หัวใจเต้นผิดจังหวะ  ราวกับถูกเสือดาวจ้องมอง!


น่าแปลก  เหตุใดจึงรู้สึกเช่นนี้?


ยังไม่ทันให้เฉินจี้ตั้งตัวได้  เซ่อเติงเค่อก็โผล่ครึ่งตัวออกมาจากห้องนอนเด็กฝึก  ถามอย่างสงสัยว่า  “อาจารย์  ไฉนท่านกลับมาเร็วนักเล่า?”


“ทำไมกัน  ไม่อยากให้ข้ากลับมาหรือ?”  หมอเฒ่าเหยาเหลือบมองเขา


เซ่อเติงเค่อรีบกล่าวว่า  “ไม่ใช่ๆ  แค่รู้สึกสงสัยเท่านั้น!”


ขณะที่พูด  หลิวฉวีซิงเดินออกมาจากในห้อง  คาดเข็มขัดไปพลางบ่นเฉินจี้กับเซ่อเติงเค่อไปพลาง  “พวกเจ้าสองคนนี่ใช้ไม่ได้เลย  ไม่เห็นหรือว่าอาจารย์ยังสะพายกล่องยาอยู่  ไม่รู้จักช่วยรับของให้อาจารย์ก่อนบ้าง!”


เฉินจี้  “......”


เซ่อเติงเค่อ  “......”


หลิวฉวีซิงรับกล่องยามา  ถามอย่างสงสัยว่า  “อาจารย์  ผู้เฒ่าตระกูลหลิวรักษาหายแล้วหรือ  ท่านบอกว่าจะไปสิบวันครึ่งเดือน  แต่กลับมาแค่วันเดียว”


หมอเฒ่าเหยาตอบอย่างหงุดหงิด  “ผู้เฒ่าหลิวสิ้นใจแล้ว  จะให้ข้าอยู่ที่นั่นต่อ  สวดส่งวิญญาณให้เขาหรือไร?  เรื่องพรรค์ข้านั้นไม่ถนัดหรอกนะ!”


เฉินจี้ตกใจ  “อะไรนะ?  ผู้เฒ่าหลิวสิ้นใจแล้วหรือ  แม้แต่อาจารย์ออกโรงยังไม่ได้ผล?”


หมอเฒ่าเหยากล่าว  “ข้าออกโรงอะไร?  ตระกูลหลิวพักอยู่ที่คฤหาสน์นอกเมืองหลัว  รถม้าที่ข้านั่งไปดันขัดข้องกลางทาง  ซ่อมรถม้าอย่างเดียวก็เสียเวลาไปเกือบทั้งวัน  พอถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิวเขาก็สิ้นใจแล้ว  แม้แต่หน้ายังไม่ได้เห็น  ข้านี่โชคร้ายบัดซบ  คนที่ไม่รู้เรื่องราวภายใน  ได้ยินเข้าคงนึกว่าวิชาแพทย์ข้าเป็นของเก๊!”


หืม?


เฉินจี้ตกใจเงียบงัน  รถม้าเสียได้บังเอิญเกินไปหน่อยไหม?


รถม้านั่น  ต้องขุนนางชั้น 2 เท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์นั่ง  นึกจะพังก็พังเลยหรือ?


ขณะนั้น  หลิวฉวีซิงเอ่ยว่า  “ท่านคงถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิวเมื่อคืนนี้ใช่ไหม?”


“อืม”  หมอเฒ่าเหยาพยักหน้า


“แล้วพวกเขาส่งท่านกลับมาทันทีในคืนนั้นเลย  ไม่กลัวท่านจะเหนื่อยจนเป็นอะไรไปหรือ?”


หมอเฒ่าเหยายิ้มเย็น  “อยู่ต่อทำไม?  หากพักอีกสองสามวัน  ข้าก็ต้องให้เงินบ้านเขาสมทบจัดงาน……ข้าไปพักผ่อนก่อน  ตื่นแล้วจะตรวจสอบคลังสินค้า  ตรวจบัญชี  ใครกล้าทำให้ข้าขาดทุน  ก็รอโดนตีได้เลย!”


เฉินจี้ร้องไม่ดีในใจ  เขายังไม่ได้ซื้อโสมเลย!


......


......


ฟ้ายังไม่สว่าง  สาวใช้ในตำหนักเฟยหยุนเริ่มยุ่งวุ่นวายแล้ว


พวกนางต้มน้ำร้อนในห้องข้าง  ถืออ่างทองแดง  ขอบอ่างทองแดงพาดผ้าขนหนูสีขาวบริสุทธิ์  เดินตึงตังขึ้นไปชั้น 2 ของเรือน


หยุนเฟยลุกขึ้นแต่งตัวด้วยการปรนนิบัติของซีปิ่ง  นางเอ่ยเสียงเนือย  “อากาศเย็นแล้ว  ช่วงเช้าให้ซีถังเอาบัญชีมา  เตรียมแจกฟืนถ่านให้แต่ละห้องแล้ว  ส่งคนไปตลาดบูรพาถามพวกแก๊งขนส่งทางน้ำดู  หากถ่านเส้นเงินจากเตาซีซานมาถึงแล้ว  ก็จัดซื้อมาใช้สักชุดหนึ่ง  เลือกของดีที่สุดไว้ให้ห้องไป๋หลี่  นางกับองค์รัชทายาทก็ใกล้จะกลับจากสำนักตงหลินแล้ว”


ซีปิ่งหัวเราะพลางหวีผมให้นาง  “นายหญิงพูดถูกแล้ว  ถ่านเส้นเงินนั้น  เถ้าขาวดั่งน้ำค้าง  ไม่ดับง่าย  แถมยังไม่มีควันอีก”


“เอ๊ะ  ไป๋โป๋เหร่ไปไหน?’  หยุนเฟยขมวดคิ้ว  “แต่เช้าก็ไม่เห็นมันแล้ว”


“คงจะแอบออกไปเล่นเองกระมังเพคะ?”


ขณะที่กำลังพูดกันอยู่นั้น  ไป๋โป๋เหร่ก็เดินขาเป๋ปากบวมขึ้นมาตามบันได  ขนที่เคยขาวสะอาดเปื้อนเลือดไปทั่ว  ใบหน้าบวมเป็นก้อนหลายจุด  ราวกับถูกซ้อมจนหน้าเบี้ยว  น้ำตาคลอเบ้า


หยุนเฟย  “……”


ซีปิ่ง  “……”


ปัง!  กระจกทองแดงถูกกระแทกลงบนพื้นไม้


ครู่ใหญ่ผ่านไป  หยุนเฟยก็หัวเราะขึ้น  “น้องจิ้งเฟยก้าวหน้าขึ้นมากเลยนะ”


ซีปิ่งเอ่ยเสียงแผ่ว  “นายหญิงโปรดระงับโทสะ”


หยุนเฟยมองไป๋โป๋เหร่  ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ย  “อุ้มมันไปที่โรงยาไท่ผิงให้หมอตรวจดู  ให้เด็กฝึกชื่อเฉินจี้นั่นรักษามันเถิด  เสื้อผ้าที่สัญญาจะประทานให้เขา  ป่านนี้คงตัดเสร็จแล้ว  เจ้าไปถามที่ซีถังดู  หากเสร็จแล้วก็เอาไปส่งให้ด้วยเลย  อย่าดูแคลนเขา  คนผู้นี้ข้าจะใช้ประโยชน์ในภายหน้า”


ซีปิ่งรับคำเสียงแผ่ว  “เพคะ”


ตอนเช้า  ซีปิ่งอุ้มไป๋โป๋เหร่  พาสาวใช้น้อยอายุสิบสองสิบสามคนหนึ่งมุ่งหน้าไปโรงยา  พอถึงหน้าประตูโรงยา  หลิวฉวีซิงก็ยิ้มแย้มต้อนรับออกมา  “แม่นางซีปิ่ง  ท่านมาโรงยาวันนี้มีธุระอันใดหรือ?”


“มารักษา”  ซีปิ่งพูดพลางเขย่งเท้ามองไปทางลานหลัง  “เฉินจี้อยู่ไหน?  ให้เขาออกมารักษาเดี๋ยวนี้”


สีหน้าของหลิวฉวีซิงพลันหม่นหมองลง  ตะโกนไปทางลานหลังเสียงดัง  “เฉินจี้  เฉินจี้!  แม่นางซีปิ่งตามหาเจ้า!”


พูดจบ  เขายังสำรวจดูเสื้อผ้าที่สาวใช้น้อยคนนั้นประคองอยู่ในมือ  “แม่นางซีปิ่ง  ของพวกนี้คือ?”


“เป็นของที่นายหญิงของข้าประทานให้เฉินจี้”  ซีปิ่งยิ้มพลางลูบผ้า  “นี่ล้วนเป็นฝีมือช่างปักจากกองตัดเย็บเจียงหนาน  ท่านดูรอยเย็บนี่สิ  ละเอียดประณีตยิ่งนัก”


หลิวฉวีซิงหน้าขมขื่นไปทั้งใบ  ไหนอาจารย์บอกว่า  การเข้าไปรักษาในตำหนักนับเป็นลางร้ายใหญ่หลวง  อาจารย์ลำเอียง!


ขณะนั้น  เฉินจี้กำลังเช็ดน้ำที่มือด้วยแขนเสื้อ  พลางเอ่ยด้วยความสงสัย  “แม่นางซีปิ่ง  นั่น...”


ซีปิ่งกล่าว  “ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือคนชั่วหน้าไหน  กล้าทำร้ายแมวเลี้ยงของนายหญิงข้าจนบาดเจ็บ  ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้  มันไม่ยอมกินน้ำเลยสักหยด  อ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง  เลยใช้ให้ข้าพามันมาให้ดู”


เฉินจี้ลำบากใจ  “อาจารย์เพิ่งจะเข้านอนได้ไม่นาน  จะรอให้ท่านตื่นก่อนไหม?”


ซีปิ่งส่ายหน้า  “นายหญิงของข้าเจาะจงให้เจ้ารักษาไป๋โป๋เหร่  ไม่ต้องถึงมือท่านหมอเหยาหรอก  เอ้านี่  เสื้อผ้าที่นายหญิงรับปากว่าจะประทานให้  แล้วก็ค่ารักษาที่เตรียมไว้”


เขาเห็นสาวใช้ตัวน้อยหยิบก้อนเงินเล็กๆ ออกมาจากแขนเสื้อ  หนักประมาณหนึ่งตำลึง


ต้องไม่ลืมว่า  เด็กฝึกโรงยาไม่มีสิทธิ์รับค่ารักษา  หมอหลวงเหยาออกไปตรวจโรคนอกสถานที่ครั้งหนึ่งก็รับแค่ห้าตำลึงเงิน  ตอนนี้หยุนเฟยเพื่อรักษาแมวตัวหนึ่ง  กลับให้เงินมากมายเช่นนี้  เจตนาที่จะชักชวนเฉินจี้เข้าพวก  แทบจะแสดงออกมาอย่างเปิดเผย


แต่หากรับเงินนี้แล้ว  เขาก็ต้องเลือกข้างระหว่างหยุนเฟยกับจิ้งเฟย


เฉินจี้ครุ่นคิดแล้วกล่าว  “ข้าจับชีพจรให้ไป๋โป๋เหร่ก่อนแล้วกัน”


ซีปิ่งงุนงงไปชั่วครู่  “แมวก็จับชีพจรได้หรือ?”


เฉินจี้นิ่งเงียบครู่หนึ่ง  “……ได้”


มั้ง?


ครู่ใหญ่ผ่านไป  เฉินจี้ลังเลแล้วกล่าว  “แม่นางซีปิ่ง  บาดแผลภายนอกของไป๋โป๋เหร่รักษาได้ง่าย  แต่หากต้องการให้มันฟื้นตัวเร็ว  คงต้องบำรุงชี่และเลือด  ข้าจะจ่ายตำรับยาให้มัน”


ขณะที่เฉินจี้กำลังเขียนตำรับยา  หมอเฒ่าเหยาผลักประตูออกมาจากเรือนหลัก  เฉินจี้เห็นเขากอดมือไพล่หลังสำรวจลานหลัง  พื้นไม่มีใบไม้ร่วงสักใบ


เขาแวะไปดูที่ครัว  กระทั่งครัวก็สะอาดเอี่ยม


ปกติเด็กฝึกพวกนี้ทำความสะอาด  ขี้เกียจได้เมื่อไรก็ขี้เกียจ  บางครั้งแม้แต่เตาก็เช็ดไม่สะอาด  แต่วันนี้ต่างออกไป  สะอาดราวกับเปลี่ยนที่อยู่ใหม่


ไม่เพียงเท่านั้น  โอ่งน้ำในลานก็หาบน้ำเต็มแล้วด้วย


หมอเฒ่าเหยายักคิ้วเดินไปยังห้องโถงใหญ่  “อุตริประจบประแจงโดยไม่มีเหตุ  ไม่โจรก็ขโมย!”


เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของโรงยา  เฉินจี้เพิ่งยัดห่อยาที่ห่อเรียบร้อยใส่มือสาวใช้น้อย  ส่งซีปิ่งกลับไป


เขาหันกลับมา  กลับเห็นหมอเฒ่าเหยาทำหน้าบึ้งตึงกล่าว  “พวกเจ้ามีสิทธิ์รักษาคนตั้งแต่เมื่อไร?  ข้าเหยาฉีเหมินถึงจะรักเงิน  แต่ก็ไม่ดูแคลนชีวิตคน  พวกเจ้ายังไม่จบการฝึก  ก่อนจ่ายตำรับยาให้คนต้องให้ข้าตรวจดูก่อน!”


เฉินจี้รีบกล่าว  “อาจารย์  ไม่ได้รักษาคนขอรับ  เป็นการรักษาบาดแผลให้แมวของหยุนเฟย”


หมอเฒ่าเหยาเลิกคิ้ว  “แมวขาวตัวนั้นถูกคนซ้อมหรือ?”


“น่าจะใช่มั้งขอรับ……”


หมอเฒ่าเหยายื่นมือ  “เอาตำรับยาที่เจ้าจ่ายมาให้ข้าดูหน่อย”


เฉินจี้ส่งให้  พลางลังเลเล็กน้อย  “ก็แค่ว่านงูกับยาห้ามเลือด  ประเภทขับเลือดคั่งขอรับ……แล้วก็จ่ายยาบำรุงร่างกายให้มันหน่อย”


หมอเฒ่าเหยารับตำรับยามา  ยิ่งดูคิ้วก็ยิ่งขมวดแน่น


ครู่ใหญ่ผ่านไป  เขาเงยหน้ามองเฉินจี้  สีหน้าตกตะลึง  “เจ้าจ่ายโสมอายุห้าสิบปีให้แมวตัวนั้นรากหนึ่ง?!”


“อื้อ”


“อีกฝ่ายยอมให้เปิดบัญชีค้างด้วยหรือ?”


“อื้อ”


หมอเฒ่าเหยาสูดลมหายใจยาว  ชื่นชมว่า  “เจ้านี่ช่างเป็นอัจฉริยะทางการค้าจริงๆ……ต่อไปหากทางหยุนเฟยต้องการให้ข้าไปตรวจโรค  เจ้าตามข้าไปด้วย”


เฉินจี้  “อ้าว?”


หมอเฒ่าเหยาเหมือนนึกอะไรได้จึงกล่าว  “จริงสิ  เมื่อวานเจอพ่อของเจ้าระหว่างทาง  เขาน่าจะเพิ่งกลับมาพักจากคันกั้นน้ำ  พรุ่งนี้เจ้าก็หยุดพักสักวัน  กลับบ้านไปเอาค่าเล่าเรียนกับค่ายามาจ่ายข้า”


เฉินจี้ถึงกับตะลึงงัน  


พ่อ?


(จบตอน)  


______________

ปัจจุบันแปลถึงตอน: -

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#พระเอกเทพ #นิยายแฟนตาซี #qingshan


Previous Next

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 0001 กลับสู่ศูนย์

ตอนที่ 0007 บุพการี

ตอนที่ 0010 ตำหนักหวั่นซิง