ตอนที่ 0028 ขุนนาง



กระแสน้ำแข็งที่สะสมในคุกในมานานนับปี  เกินกว่าที่เฉินจี้คาดคิดไปมาก...เขานึกไม่ถึงว่า  กระแสน้ำแข็งในคุกในจะมีมหาศาลถึงเพียงนี้!


เขาเดินอยู่ท่ามกลางคุกใน  มองกระแสน้ำแข็งสายแล้วสายเล่าไหลเข้าสู่ร่าง  ตันเถียนที่ถูกเปลวไฟสี่ดวงปิดผนึกสั่นคลอนใกล้พังทลาย


กระแสน้ำแข็งสีเทาขาวดุจมังกร  คำรามในคุกในมืดสลัวด้วยเสียงที่คนอื่นไม่อาจได้ยิน  ราวกับวิญญาณผู้ถูกขังนานไม่ยอมตาย  พร้อมกลืนกินเฉินจี้เข้าไป


พวกมันคือพลังของโลกลึกลับใบนี้  ซึ่งอยู่เหนือกว่าอำนาจและพละกำลัง  แต่บัดนี้กลับถูกแย่งชิงไปทีละน้อย


เฉินจี้รู้สึกถึงความหนาวเย็นที่แผ่ออกมาจากอวัยวะภายใน  แต่เขาไม่กล้าแสดงอาการผิดปกติต่อหน้าหยุนหยาง


ทว่าขณะที่เขากับหยุนหยางเดินผ่านห้องขังแห่งหนึ่ง  กลับเห็นแผนภาพยันต์แปดเหลี่ยมสลักอยู่บนฐานตะเกียงน้ำมันบนผนัง


เฉินจี้นึกถึงตะเกียงน้ำมันที่มีแผนภาพยันต์แปดเหลี่ยมตอนลงบันได...หนึ่งตะเกียงคือหนึ่งคุก  ตะเกียงไม่ดับ  คนไม่ตาย!


เขารีบหยิบตะเกียงน้ำมันมากุมไว้ในมือ!


ในพริบตา  กระแสน้ำแข็งในตันเถียนค่อยๆ ถอยกลับดุจคลื่นลด


เฉินจี้หอบหายใจแผ่วเบา  หยุนหยางหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ  “เจ้าหยิบตะเกียงนั่นทำไม?”


เขาตอบว่า  “คุกในนี้มืดเกินไป  ข้ายังไม่ค่อยชิน”


หยุนหยางหัวเราะเยาะ  “ไม่นึกว่าคนที่กล้าต่อรองกับข้า  จะยังกลัวความมืด?”


เฉินจี้ไม่ตอบ  เขาแค่ครุ่นคิดถึงคำถามหนึ่ง  หลังคนตาย  กระแสน้ำแข็งไม่สลายหายไปหรือ?  ดูจากปริมาณกระแสน้ำแข็งเมื่อครู่  ต้องสะสมมานานแล้วแน่


ต่อให้กรมสืบลับโหดร้ายเพียงใด  ก็ไม่น่าสังหารคนมากมายขนาดนั้นในเวลาอันสั้น


ต้องเป็นเพราะแผนภาพยันต์แปดเหลี่ยมแน่!


เสนาบดีฝ่ายในกลัวว่าสังหารคนมากเกินไป  อาจถูกวิญญาณตามหลอกหลอน  จึงให้คนใช้แผนภาพยันต์แปดเหลี่ยมกักขังวิญญาณไว้ในคุกใน  กระแสน้ำแข็งจึงสะสมมากมายถึงเพียงนี้


เฉินจี้หายใจเป็นปกติ  “ท่านหยุนหยาง  ขอบันทึกคดีมาให้ข้าดูหน่อย  หากจะหาเบาะแส  ไม่จำเป็นต้องหาจากคดีปัจจุบัน  คดีเก่าอาจซ่อนความลับมากมาย”


หยุนหยางโบกมือเรียกหน่วยสืบลับ  “เอามาให้เขา!”


เมื่อหน่วยสืบลับยกบันทึกคดีมา  มันมีถึงสิบกว่าหีบใหญ่เต็ม


เฉินจี้หยิบเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน  พลางเดินตรวจคุกใน


หยุนหยางนั่งดื่มชาที่โต๊ะรอ  หน่วยสืบลับตามหลังเฉินจี้


เฉินจี้เดินมาหน้าห้องขังแห่งหนึ่งพลางเอ่ยถาม  “ห้องขังอักษรเจี่ยหมายเลขยี่สิบเจ็ด  เคยขังรองเจ้าเมืองยู่โจว  หลิวเหยาจู่?  ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”


หน่วยสืบลับลังเล  ไม่รู้จะเรียกเด็กหนุ่มสวมหน้ากากตรงหน้าว่าอย่างไร  ชั่วครู่จึงกล่าวเสียงแผ่ว  “ท...ท่าน  หากบันทึกคดีเขียนว่าปล่อยตัว  ก็คือออกจากคุกทั้งเป็น  หากไม่เขียนอะไร  ก็คือตายในนี้แล้ว”


เฉินจี้แน่ใจ  หลิวเหยาจู่ตายในคุกในเมื่อสี่ปีก่อนแล้ว


เขาเดินไปอีกห้องขัง  “ห้องขังอักษรเจี่ยหมายเลขยี่สิบแปด  เคยขังหัวหน้างานช่างเมืองหลัว  เฉินหมิงจั้ว?”


“ตายแล้วเช่นกัน”


หลังจากนั้น  เฉินจี้ไม่ถามอีก  แค่ท่องในใจเงียบๆ


“ห้องขังอักษรเจี่ยหมายเลขห้าสิบสอง  เจ้าเมืองกุยเต๋อ  ซวี่เจียเหวิน  ตาย”


“ห้องขังอักษรอี่หมายเลขหนึ่ง  เจ้าเมืองซ่างไช่  ฝูหนิงฟู่  เถียนไห่หลง  ตาย  รองเจ้าเมืองซ่างไช่  ซวี่เต๋อหง  ตาย...”


นับไปเรื่อยๆ  บางห้องขังตายคนเดียว  บางห้องตายหลายคน


ยิ่งเฉินจี้ตรวจสอบยิ่งตกใจ  บันทึกคดีในมือราวกับบัญชีชีวิตความตายในนรก


เขาเปิดบันทึกคดีต่อ  คุกในนี้เคยขังคนยุทธภพ  สิงกวนที่ซ่อนตัวในหมู่ชน  แต่ห้องขังเหล่านั้นกลับไม่มีกระแสน้ำแข็งไหลออกมา


เขาหายใจลึก  ในที่สุดก็เข้าใจกฎของกระแสน้ำแข็ง


คนที่ตายแล้วเกิดกระแสน้ำแข็ง  มีลักษณะร่วมเพียงอย่างเดียว  นั่นคือ  ขุนนาง*!


(ขุนนาง—เขียนด้วยอักษร ‘กวน’ เหมือนกับ ‘สิงกวน’)


...


...


คุกในที่ฝังใต้ดิน  ดุจสุสานมหึมา  ไม่รู้ว่ามีคนตายในมิติมืดมิดนี้มากเท่าใด


ที่นี่ไม่ใช่ยุทธภพ  แต่เป็นที่ฝังยุทธภพและราชสำนัก


เฉินจี้ยืนหน้าห้องขัง  มือถือบันทึกคดีที่เปิดอยู่  ตรงหน้าคือคุกมืดสลัว


เขาใช้เวลาราวหนึ่งชั่วยาม  อ่านบันทึกคดีห้องขังอักษรเจี่ยและอักษรอี่จนหมด  ยังเหลืออักษรปิ่ง  ติง  อู้  จี่  เกิง  ซิน  เหริน  กุ่ย  ที่ยังไม่ได้อ่าน  แต่ไม่จำเป็นต้องอ่านแล้ว


เฉินจี้กล้าสรุปว่า  กระแสน้ำแข็งที่ได้จากตำหนักหวั่นซิงคืนนั้น  มาจากทารกในครรภ์จิ้งเฟยจริง  เชื้อพระวงศ์เกิดมาย่อมสูงส่งกว่าผู้อื่น


ขณะนี้  เฉินจี้ยืนในคุกในอันอึดอัด  รู้สึกประหลาดใจ


วิถีฝึกตนของตน  กลับยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามราชวงศ์หนิงทั้งหมด  หากจะฝึกตน  ต้องมีขุนนางและเชื้อพระวงศ์ตาย!


ราชวงศ์หนิงตั้งแต่องค์จักรพรรดิถึงขุนนางเล็ก  กุมอำนาจทั้งหมดของแผ่นดิน


ส่วนตน  ต้องเป็นศัตรูกับพวกเขา?


หยุนหยางพูดถูก  วิถีฝึกตนของตัวเอง  ไม่ควรให้ใครรู้จริงๆ...อันตรายยิ่งยวด


หยุนหยางนั่งไขว่ห้างตรงโต๊ะ  เคาะเมล็ดแตงโม  เห็นเฉินจี้หยุดคิดในทางเดิน  จึงถาม  “พบเบาะแสแล้ว?”


เฉินจี้สะดุ้งจากภวังค์  “ยังไม่พบ”


หยุนหยางขมวดคิ้ว  “ข้ามารับเจ้าด้วยตัวเอง  เสียเวลาไปกลับหนึ่งชั่วยาม  รออีกหนึ่งชั่วยาม  สุดท้ายเจ้ากลับบอกว่าไม่พบเบาะแส?”


เฉินจี้มาเพื่อกระแสน้ำแข็งและบันทึกคดี  ได้ทั้งสองอย่างแล้ว  แต่ยังจากไปเลยไม่ได้


เขาคิดครู่หนึ่งถาม  “หลิวเสินหยูตายอย่างไร  พวกท่านฆ่าหรือ?”


หยุนหยางส่ายหน้า  “ไม่  เขาทนการทรมานไม่ไหว  ผูกคอตายเอง”


เฉินจี้ขมวดคิ้ว  “ศพเขายังอยู่ในคุกในหรือไม่?”


“อยู่  เจ้าจะดู?”  หยุนหยางเกิดสนใจขึ้นมา  โยนเมล็ดแตงโมในมือลงบนโต๊ะ  “ข้าพาไป”


หยุนหยางนำเฉินจี้เดินลึกเข้าไปในคุกใน  ลงบันไดอีกหลายชั้น  ผ่านหลายระดับ  จึงถึงส่วนลึกที่สุด  เฉินจี้ถึงกับได้ยินเสียงแม่น้ำใต้ดินไหล


“นั่นไง  อยู่ข้างใน  มีแค่ศพหลิวเสินหยูศพเดียว”  หยุนหยางถือคบไฟเดินเข้าไป


หลิวเสินหยูอายุราวสามสิบ  ร่างผอมบาง  ผิวขาว  หน้าซีดขาว  ลิ้นห้อยออกมา  อุจจาระปัสสาวะราด


นี่คืออาการตายด้วยการผูกคอ  ไม่มีอะไรผิดปกติ


เฉินจี้เห็นศพ  กลั้นหายใจ  รู้สึกไม่สบายใจ


หยุนหยางล้อเลียน  “ข้านึกว่าเจ้าทำได้ทุกอย่างแล้ว  ทำไมแค่ศพยังดูไม่ได้?”


เฉินจี้ตั้งสติ  “ท่านหยุนหยาง  การมองศพเพื่อนมนุษย์อย่างเฉยเมยไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจ...หลิวเสินหยูไม่ได้ฆ่าตัวตาย  แต่ถูกฆ่าปิดปาก”


หยุนหยางส่ายหน้า  “คราวนี้เจ้าผิดแล้ว  ข้าสังหารคนมามาก  จึงมีประสบการณ์มากกว่า  อาการตายทุกอย่างล้วนเป็นการผูกคอตาย  ข้าเคยช่วยคนผูกคอมามาก  คนผูกคอตายหน้าซีดขาว  ลิ้นห้อยและถ่ายหนักถ่ายเบาราด  ไม่ผิดแน่  เจ้าอาจคิดว่าเขาถูกรัดคอตายก่อนค่อยแขวน?  ไม่ใช่  คนถูกรัดคอตายหน้าเขียวม่วง  อันนี้ข้าก็ชำนาญ”


“ตามหลักการ  ที่ท่านหยุนหยางว่ามาไม่ผิด”  เฉินจี้พยักหน้า


“หืม?”  หยุนหยางไม่เข้าใจ


เฉินจี้กล่าว  “แต่ทั้งหมดนี้ปลอมได้”


สาเหตุการตายจากผูกคอคือ  เส้นเลือดคอถูกขัดขวาง  สมองขาดออกซิเจนตาย


เนื่องจากเส้นเลือดแดงตรงคอหยุดไหลกะทันหัน  แต่เส้นเลือดดำยังทำงานชั่วคราว  คนผูกคอตายจึงหน้าซีดขาว  ส่วนคนถูกรัดคอตายหน้าเขียวม่วง


คนที่ฆ่าหลิวเสินหยูปิดปากน่าจะรู้หลักการนี้  จึงปลอมเป็นผูกคอตาย  ลิ้นรัดให้ห้อยออกมาได้  ฝังเข็มทำให้ถ่ายหนักถ่ายเบาราดได้  รัดตรงหลอดเลือดแดงแม่นยำทำให้หน้าซีดขาวได้


อีกฝ่ายเป็นมือสังหารมืออาชีพ  ชำนาญการปลอมฆ่าตัวตาย  แต่พลาดรายละเอียดเดียว  คือเท้า


เฉินจี้อธิบาย  “คนผูกคอตาย  ปลายเท้าจะห้อยลง  เกือบตั้งฉากกับพื้น  สองชั่วยามจะเกิดอาการแข็งตาย  แม้เอาศพลงมาก็ยังคงท่านั้น  แต่ดูหลิวเสินหยู  ก่อนถูกรัดคอตายเขาดิ้นรนเตะถีบ  เท้าทั้งสองข้างติดอยู่คนละทิศทาง”


หยุนหยางฟังแล้วครุ่นคิด  “งั้นหรือ...ไป  กลับไปชั้นอักษรเจี่ย  จับนักโทษประหารมาลอง  ทดสอบดูก็รู้!”


เฉินจี้และคนอื่นกลับขึ้นชั้นบน  เขามองหน่วยสืบลับสองคนลากนักโทษประหารมา


นักโทษประหารยังไม่ทันผูกคอ  ก็ฉี่ราดกางเกงแล้ว


หยุนหยางนั่งตรงโต๊ะ  เคาะเมล็ดแตงโมพลางเย้ยหยัน  “นี่แหละขุนนางฝ่ายบุ๋นราชวงศ์หนิงข้า  ภายนอกดูแข็งแกร่ง  แต่ความจริงอ่อนแอไม่เอาไหน”


เฉินจี้ลังเล  “ท่านหยุนหยาง  เขามีความผิดอะไร?”


“ขายชาติให้ศัตรู  ปลอมทะเบียนบ้านและหนังสือเดินทางให้สายลับราชวงศ์จิ่ง”  หยุนหยางหันไปสั่งหน่วยสืบลับ  “แขวนคอเขาที่เพดาน  ข้าจะดูหน่อย!”


เฉินจี้อยากพูดอะไร  แต่สุดท้ายเลือกหุบปาก


ครู่ต่อมา  หน่วยสืบลับใช้เชือกคล้องคอนักโทษประหารแขวนที่เพดาน  เตะเก้าอี้ใต้เท้าออก


เพียงไม่กี่วินาที  นักโทษประหารก็นิ่งสนิท


ทุกคนรออยู่อย่างนั้น  ศพห้อยอยู่ตรงหน้า  หยุนหยางดื่มชาเคาะเมล็ดแตงโมราวกับไม่มีอะไร  ราวกับที่แขวนไม่ใช่คน  แต่เป็นหมู


เฉินจี้มุ่งมั่นอ่านบันทึกคดีเพื่อฆ่าเวลา


สองชั่วยามผ่านไป  หน่วยสืบลับเอาศพลงจากเพดาน  ปลายเท้าตึงตรงจริงดังที่เฉินจี้ว่า


หยุนหยางปรบมือชื่นชม  “แต่ก่อนแค่แขวนคนขึ้นไป  ไม่เคยเอาลงมา  จึงไม่สังเกตรายละเอียดนี้!”


เฉินจี้กล่าวเรียบเฉย  “มีคนฆ่าปิดปาก  แสดงว่าเบื้องหลังหลิวเสินหยูมีปลาใหญ่  ตระกูลหลิวไม่ได้มีแค่คนเดียวที่ขายชาติ  สาขาสองหลิวหมิงเสี่ยนและสาขาใหญ่หลิวหมิงเต๋อต่างมีความน่าสงสัย”


หยุนหยางขมวดคิ้ว  “อีกไม่กี่วันหลิวกุ่นจะกลับเมืองหลัว  ข้าไม่มีหลักฐาน  จะไปยุ่งกับเสนาบดีกระทรวงราชการ  ไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ?  เจ้าคงไม่ได้หลอกให้ข้ากระโดดหลุมไฟหรอกนะ”


ภายในห้อง  เฉินจี้กุมตะเกียงน้ำมัน  แสงไฟกะพริบในดวงตา  “จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร  ข้ายังหวังให้ท่านหยุนหยางเลื่อนขั้นให้อยู่  แต่ก่อนหน้านี้  ท่านหยุนหยางเองได้พูดถึงอันตรายของสายลับราชวงศ์จิ่งต่อทหารแนวหน้า  ทำไมตอนนี้กลับรักษาตัวรอด?”


หยุนหยางถอนใจ  “ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดบ้าง  แต่ก่อนฆ่าคนอย่างเดียว  เพิ่งได้ตำแหน่งสิบสองนักษัตรครึ่งปี  หากเสียไปก็น่าเสียดาย...ราชการไม่ง่ายนะ”


เฉินจี้มองอีกฝ่าย  ถามอย่างจริงใจ  “ท่านหยุนหยาง  ท่านกับท่านเจียวถู่เชี่ยวชาญการฆ่า  ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายในฉลาดหลักแหลม  เหตุใดจึงส่งพวกท่านมาทำสิ่งที่ไม่ถนัด?”


หยุนหยางสงสัย  “ก็จริง…หรือท่านอัครเสนาบดีหวังใช้นิสัยฆ่าฟันของพวกเรา  กำจัดตระกูลหลิว?  ท่านอัครเสนาบดีส่งพวกเรามา  ก็เพื่อให้ฆ่าคน  งั้นข้าควร...”


เขาหยิบกาน้ำชา  เตรียมจะรินให้เฉินจี้โดยไม่รู้ตัว  แต่ฉุกคิดได้ทันที  นี่ไม่ถูกต้อง  ข้าเคยรินชาให้แค่ท่านอัครเสนาบดี!


เขาวางกาน้ำชากลับบนโต๊ะ  “แต่ตอนนี้  ในเมื่อรู้ว่ามีคนฆ่าหลิวเสินหยูปิดปาก  ก็คงยากจะจับผิดตระกูลหลิว  แล้วข้าจะสืบต่ออย่างไร?”


เฉินจี้ส่ายหน้า  “เบาะแสน้อยเกินไป  ข้าก็ไม่มีคำแนะนำดีๆ  เพียงแต่  ท่านหยุนหยางไม่คิดว่าการตายของผู้เฒ่าหลิวดูน่าสงสัยหรือ? เขาตาย  พวกท่านก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที  อาจารย์ข้าถูกเชิญไปรักษา  แต่รถม้าเสียกลางทาง  ไม่ได้เจอผู้เฒ่าหลิวเลย”


สายฟ้าแลบในหัวหยุนหยาง  “ผู้เฒ่าหลิวอาจยังไม่ตาย!”


(จบตอน)  


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน: -
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#พระเอกเทพ #นิยายแฟนตาซี #qingshan

Previous Next

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 0001 กลับสู่ศูนย์

ตอนที่ 0007 บุพการี

ตอนที่ 0010 ตำหนักหวั่นซิง