ตอนที่ 0030 เปิดไพ่



“ในโลงไม่มีคน?”


“ไม่มีจริงๆ”  เจียวถู่กล่าว  “ข้าเปิดโลงดูแล้ว  ข้างในไม่มีเครื่องแต่งกาย  ไม่มีของฝังศพ  ผู้เฒ่าหลิวยังไม่ตาย  บางทีตอนนี้อาจยังอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิว”


คฤหาสน์ตระกูลหลิวตั้งอยู่บนเขาหลงเหมินทางใต้เมืองหลัว  ครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยไร่  ชาวเมืองหลัวมักล้อเลียนกันว่า  หากหญิงสาวจากครอบครัวธรรมดาแต่งเข้าไปในกำแพงสูงหลังคากระเบื้องสีเทาของตระกูลหลิว  เกรงว่าทั้งชีวิตคงไม่มีวันได้ออกมา  ต้องแก่ตายอยู่ในนั้น


เจียวถู่ดึงผ้าปิดตาของเฉินจี้ออก  ทั้งสามนั่งลงกับพื้นบนยอดเขาจ้วงหยวน  “พูดกันหน่อยสิ  ตอนนี้จะทำอย่างไรดี”


หยุนหยางลังเลอยู่นาน  “ตระกูลหลิวกล้าท้าทายกฎหมายบ้านเมือง  ใช้การแกล้งตายของไอ้เฒ่านั่นกดดันกรมสืบลับ……เช่นนั้นก็เท่ากับว่า  ตระกูลหลิวทั้งบนล่าง  ต่างเป็นพวกเดียวกับหลิวเสินหยู  ล้วนสมคบกับศัตรูทั้งหมดสินะ?”


เจียวถู่ยกแขนทั้งสองมัดมวยผม  “ตระกูลหลิวดำเนินกิจการในจงหยวนมานาน  ครอบครองที่ดินและขุนนางถึงแปดส่วน  แม้แต่ราชสำนักจะเก็บภาษีเก็บข้าว  ก็ยังต้องดูหน้าพวกเขา  ไม่ว่าจะตระกูลหลิว  ตระกูลสวี  ตระกูลหู  ตระกูลเฉิน  ตระกูลฉี  ตระกูลหยาง  ตระกูลใหญ่เหล่านี้มองผลประโยชน์ตระกูลสำคัญกว่าแผ่นดินมานานแล้ว  พวกเขาสมคบกับศัตรูก็ไม่แปลก”


“แต่กองทัพหมื่นปีของฝ่าบาทประจำอยู่ที่ชายแดนแคว้นยู่นะ  พวกเขากล้าได้ยังไง?”  หยุนหยางตกใจ


เจียวถู่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง  “ถ้าจวนจิ้งอ๋องสมคบกับตระกูลหลิวด้วยล่ะ?  ข้าจะส่งนกพิราบไปรายงานอัครเสนาบดีฝ่ายในทันที  เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้ากับข้าตัดสินใจได้แล้ว  ต้องขอกำลังเสริมมา!”


“ใช่  เรียกทหารมาล้อมตระกูลหลิวเดี๋ยวนี้!”


เฉินจี้ขัดขึ้น  “ท่านทั้งสอง...”


หยุนหยางตาเป็นประกาย  “อะไรหรือ  เจ้ายังมีความคิดใหม่อีกแล้ว?  พูดมาเร็วเข้า  เจ้านี่สมองปราดเปรื่องจริงๆ!”


เฉินจี้กล่าว  “รบกวนท่านทั้งสองจ่ายค่าจ้างด้วย  คราวก่อนท่านเจียวถู่ยังค้างห้าสิบตำลึงอยู่เลย  รวมแล้วหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง”


เจียวถู่หน้าดำคล้ำ  “รู้แต่เงินๆ  ทองๆ”


เฉินจี้ตอนนี้ขาดเงินมาก  เขาลองกะเกณฑ์ปริมาณกระแสน้ำแข็งในตัวเบื้องต้น  คราวนี้คงต้องใช้โสมสิบกว่ารากถึงจะแก้ไขได้  ในคุกในเมืองหลัวยังมีกระแสน้ำแข็งอีกมากที่ยังไม่ได้เก็บ  ไปๆ มาๆ คงต้องใช้เงินเป็นพันตำลึงถึงจะจบเรื่อง


วิถีฝึกตนของเขาช่างสิ้นเปลืองเงินทองจริงๆ!


เขายิ้มพูด  “ท่านทั้งสอง  แค่สืบพบว่าในโลงไม่มีคนเรื่องเดียว  ก็นับเป็นความดีความชอบชิ้นใหญ่แล้ว  เชื่อว่าท่านเสนาบดีฝ่ายในคงดีใจมาก  เทียบกับเรื่องนี้แล้ว  หนึ่งร้อยตำลึงเงินจะเป็นอะไรไป?”


เจียวถู่ถอดสร้อยข้อมือไม้จันทน์แดงจากข้อมืออย่างไม่เต็มใจ  “เอาไป  เงินตราวัด  ไปแลกเงินหนึ่งร้อยตำลึงที่วัดถัวหลัวได้”


เฉินจี้อึ้งไป  เขาพินิจดูสร้อยข้อมือนี้  เห็นบนลูกประคำแต่ละเม็ดเขียนตัวอักษรเล็กๆ แน่นเอี๊ยดจนตาลาย


“นี่แลกเงินได้หรือ?”  เขาถามด้วยความสงสัย


“ไม่เคยเห็นเงินตราวัดหรือ?”  เจียวถู่อธิบาย  “บนลูกประคำนี่เป็นรหัสลับของพวกวัด  เอาไปให้โรงครัวของเขา  ย่อมมีคนถอดรหัสแล้วจ่ายเงินให้  พวกเขาอ่านออก”


เฉินจี้ยิ่งสงสัย  “ถ้าข้าแกะสร้อยข้อมือเหมือนกันเป๊ะ  ก็เอาไปแลกเงินได้สิ?”


เจียวถู่หัวเราะแผ่วเบา  “ข้าว่าเจ้าตัดใจเรื่องนี้เสียดีกว่า  ในยุทธภพมีคนคิดเอาเปรียบพวกวัดไม่น้อย  สุดท้ายก็ถูกสวดส่งวิญญาณกันหมด”


จากด้านข้าง หยุนหยางหยิบแท่งเงินเล็กๆ  ห้าแท่งออกมา  “เอาไป”


เฉินจี้ยิ้มอย่างจริงใจ  “ขอบพระคุณที่อุดหนุน  วันนี้ออกมานานแล้ว  รบกวนท่านทั้งสองส่งข้ากลับก่อน  ส่วนเรื่องตระกูลหลิวจะจัดการอย่างไร  ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะเข้าไปยุ่งได้แล้ว”


เงินออมของเขามีสองร้อยตำลึงเงิน  หนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเหรียญทองแดง


ไม่นับห้าสิบตำลึงเงินใต้เตียงนั่น


......


......


หลังเที่ยงคืน  ยามฉิ่ว*  รถม้าแล่นมาส่งเฉินจี้ถึงหน้าโรงยาไท่ผิง


(*ยามฉิ่ว — ระหว่างตี 1 ถึง ตี 3)


หยุนหยางกับเจียวถู่เพิ่งเสียเงินไป  แม้แต่อารมณ์ยินดีที่ได้รับความดีความชอบก็จางลง  ไม่พูดพาทีสักคำ  เพียงขับรถจากไป


รถม้าห่างออกไป  อูหยุนกระโดดจากหลังคารถเข้ามาในอ้อมแขนเขา  “จำตำแหน่งคุกในได้แล้ว...อ๊ะ  ตัวท่านเย็นจัง”


“ดึงกระแสน้ำแข็งมาจากคุกในมากไป  เจ้าเห็นวิถีฝึกตนของเจียวถู่หรือไม่?”  เฉินจี้มือซ้ายหิ้วเหรียญทองแดง  มือขวาโอบอูหยุนเดินเข้าโรงยา


“เห็นแล้ว  จากหว่างคิ้วนาง  วิญญาณเงาหนึ่งตนพุ่งออกมา  ดุดันน่าเกรงขามมาก!”  อูหยุนกล่าว


เฉินจี้ผลักประตูโรงยา  แต่ในวินาทีที่เปิดประตูนั้นเอง  ยามฉิ่วสามเค่อ  กระแสน้ำแข็งก็มาตามนัด


ราวกับเป็นช่วงเวลาพิเศษ  กระแสน้ำแข็งที่สงบนิ่งจะพลุ่งพล่านในเวลานี้เสมอ  ไม่ยอมหยุดจนกว่าจะตาย


เฉินจี้เดินไปทางตู้ยาอย่างยากลำบาก  เช้านี้มีพ่อค้ายามาส่งของ  อาจารย์คงเติมโสมใหม่ไว้แล้ว


แต่ยังไม่ทันถึงตู้ยา  เขาก็เดินต่อไม่ไหวแล้ว


เฉินจี้พูดอย่างลำบาก  “อูหยุน...โสม”


ในโรงยา  อูหยุนกระโดดออกจากอ้อมแขนเฉินจี้  กระโดดขึ้นตู้ยาอย่างคล่องแคล่วชำนาญ  ดึงลิ้นชักออก  คาบโสมแท่งใหม่กลับมาแตะตัวเฉินจี้


กรุ๊งกริ๊ง!  โสมกลายเป็นลูกแก้วใสสิบเม็ดตกลงพื้นแล้วกระเด้งขึ้น  อูหยุนวิ่งกระโดดไล่ตามลูกแก้ว  กลืนมันเข้าไปทีละเม็ด


กระแสหลอมเหลวป้อนกลับมา  เพียงพริบตาก็จุดประกายจุดไท่อี่ซ้ายและจุดไท่อี่ขวาด้านนอกตันเถียน!


เฉินจี้อิงเคาน์เตอร์อย่างอ่อนล้า  ลูบหัวอูหยุน  “ขอบใจ”


อูหยุนเชิดหน้า  “ต่อไปไม่ต้องขอบใจข้า...ถ้าอาจารย์ท่านรู้ว่าโสมหายไปจะทำยังไง?”


เฉินจี้ลำบากใจ  “ต้องรีบซื้อแท่งใหม่มาแทนก่อนอาจารย์รู้”


อูหยุนคิดครู่หนึ่ง  “เอาแบบนี้เป็นไง  ข้าไปซ้อมแมวขาวอ้วนนั่นอีกที  ชดใช้ให้ท่าน?”


เฉินจี้นับถืออย่างจริงจัง  “...ความคิดดี!”


ตอนนั้นเอง  เสียงเรียบๆ ของหมอเฒ่าเหยาดังมาจากข้างหลัง  “ให้ไปส่งยา  ส่งตั้งแต่เช้าถึงค่ำ”


เฉินจี้หันหลังโดยไม่รู้ตัว  บังลิ้นชักตู้ยาที่ยังไม่ทันปิด  “อาจารย์?  ทำไมท่านเดินไม่มีเสียงเลย?”


อย่าว่าแต่เฉินจี้เลย  แม้แต่อูหยุนก็ไม่ทันรู้ตัวว่ามีคนเข้ามาใกล้!


หมอเฒ่าเหยายืนเอามือไพล่หลังอยู่กลางโถงโรงยา  หน้าตาเย้ยหยัน  “ยังรู้จักกลับมาอีกหรือ?  มัวยืนนิ่งอยู่นั่นทำไม  มานี่!”


เฉินจี้ไม่กล้าขยับ  เพราะลิ้นชักตู้ยาข้างหลังเขายังไม่ได้ปิด!


ขณะที่เขากำลังเร่งคิดหาทางรับมือ  กลับเห็นอูหยุนกระโดดลงจากอ้อมแขน  วิ่งไปหน้าหมอเฒ่าเหยาแล้วกระโดดขึ้น


หมอเฒ่าเหยาชะงักไป  ยื่นมือรับอูหยุนโดยไม่รู้ตัว  แมวดำตัวน้อยขนฟูร้องเหมียวๆ ในมือทั้งสองของเขา  กะพริบดวงตาสีเหลืองทองที่มีรูม่านตาเป็นเส้นตั้ง


เห็นหมอเฒ่าเหยานิ่งเงียบนาน  สุดท้ายก็อุ้มอูหยุนไว้ในอ้อมแขน  ลูบหัวขนฟูของมัน  หันมายิ้มเย็นใส่เฉินจี้  “มันฟังคำกว่าเจ้าเยอะ...ไปกันเถอะอูหยุน  ปู่พาไปกินขนม”


เฉินจี้:  อ้าว?


อูหยุนทำอย่างนี้  หมอเฒ่าเหยากลับลืมดุเขาไปเลย


พอหมอเฒ่าเหยาหันหลัง  เฉินจี้รีบปิดตู้ยาเบาๆ


เพิ่งปิดเสร็จ  ก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาของหมอเฒ่าเหยาลอยมา  “ยังจะซ่อนอะไรอีก?  พรุ่งนี้ไปซื้อมาคืนข้าด้วย  ดูบัญชีให้ดี  ขาดแม้แต่รากเดียวไม่ได้”


เฉินจี้ตามมาที่ลานหลังอย่างกระอักกระอ่วน  เบี่ยงประเด็น  “อาจารย์  พี่ทั้งสองล่ะขอรับ?”


หมอเฒ่าเหยาพูดเสียงเรียบ  “พี่ชายสามของเซ่อเติงเค่อไปจัดงานให้คนรวย  เซ่อเติงเค่อพาหลิวฉวีซิงแอบเข้าไปดูละคร  พรุ่งนี้เช้าถึงจะกลับ  ทีแรกจะพาเจ้าไปด้วย  แต่เจ้ากลับมาช้า”


เขาหยิบกล่องไม้สีม่วงออกมาจากในห้องอีกครั้ง  ลิ้นชักชั้นแรกเป็นขนม  ลิ้นชักชั้นสองเป็นผลไม้แช่อิ่ม


อูหยุนไม่ได้กินข้าวทั้งวัน  กัดกินจนปากเต็ม


เฉินจี้แค่มองเข้าไปในลิ้นชัก  ก็โดนหมอเฒ่าเหยาถลึงตาใส่


“อยากกินก็ไปทำเองที่ครัว”  หมอเฒ่าเหยาพูดเสียงเย็น


“ขอรับ”


เฉินจี้หยิบขนมปังธัญพืชจากครัว  กัดไปถามไป  “อาจารย์  ยามฉิ่วสามเค่อมีความหมายพิเศษอะไรหรือไม่?”


หมอเฒ่าเหยาวางขนมบนมือป้อนอูหยุน  พลางขมวดคิ้วครุ่นคิด  “ยามฉิ่วสามเค่อ... เป็นเวลาที่เจ้าเกิด”


“หือ?”  เฉินจี้ตกใจ  กระแสน้ำแข็งมักจะพลุ่งพล่านในเวลานี้  ก็เพราะยามฉิ่วสามเค่อคือวันเวลาเกิดของตนหรือ?


น่าแปลก  เหตุใดจิตสำนึกอันยิ่งใหญ่ในสนามรบนั่น  ที่ต้องการยึดร่างตน  จึงต้องรอจนถึงเวลาเกิดนี้?


เฉินจี้ลังเลอยู่นาน  สุดท้ายก็ถามตรงๆ  “อาจารย์  สิงกวนคืออะไร?”


หมอเฒ่าเหยาเหลือบมองเขา  “ทำไมข้าต้องบอก?  เจ้าขายข่าวเอาเงินได้  แต่อยากได้ข้อมูลจากข้าโดยไม่จ่ายสักเหรียญ?”


เสียงเพิ่งขาดคำ  อูหยุนก็เลิกกินขนม  ใช้หัวขนฟูดุนมือหมอเฒ่าเหยา


หมอเฒ่าเหยาเห็นแล้ว  ทำเสียงฮึดฮัด  “เจ้าตัวน้อยนี่ดูเชื่อง  แต่เจ้าเล่ห์จริงๆ”


เขาพูดด้วยจังหวะช้า  “สิงกวน  คือคำเรียกรวมของผู้ฝึกตน  วิถีฝึกตนมีมากมายหลายหลาก  จะทำอะไรก็มีหมด”


เฉินจี้สงสัย  “ทำไมชาวบ้านถึงไม่รู้ว่าพวกเขามีอยู่?”


หมอเฒ่าเหยาลูบหัวอูหยุนพูด  “แค่คนส่วนใหญ่ไม่รู้  สิงกวนส่วนใหญ่ต้องซ่อนวิถีฝึกตนของตนให้มิดชิด  ไม่งั้นจะถูกผู้ร่วมทางจับตามอง”


“ทำไม?”


“เพราะหนทางที่วิถีฝึกตนแต่ละอย่างแสวงหา  ก็เหมือนน้ำในชาม  น้ำในชามมีแค่นั้น  คนแบ่งกันมาก  แต่ละคนได้ดื่มก็น้อย  หากต้องการเดินบนมรรคาสู่สวรรค์  น้ำชามนี้เจ้าต้องดื่มคนเดียว  แบ่งให้ใครอื่นไม่ได้เลย”


เฉินจี้นิ่งงัน  กฎการอนุรักษ์พลังงาน?


ตอนนี้เขาเพิ่งตระหนักว่า  ทำไมหยุนหยางถึงบอกว่า  บนเส้นทางฝึกตนมีแต่ความเป็นความตาย  ภายใต้หลักธรรมชาติเช่นนี้  ผู้ฝึกตนวิถีเดียวกันย่อมเป็นศัตรูกันโดยปริยาย


เฉินจี้ถามอย่างสงบ  “แล้วอาจารย์เป็นสิงกวนหรือไม่...”


หมอเฒ่าเหยาคลี่ยิ้ม  โบกมือไปบนฟ้า  ในราตรีนั้น  ทันใดก็มีเสียงปีกกระพือ  มีอีกาตัวใหญ่บินลงมา!


เฉินจี้ลุกพรวดขึ้น  ที่แท้อีกาตัวนี้เป็นของอาจารย์!


ตอนตนถูกกระแสน้ำแข็งรุกราน  ตอนตนไปสืบคดีที่บ้านหลิวเสินหยู  มันก็อยู่ที่นั่นด้วย!


“อาจารย์  ท่านรู้ทั้งหมดอยู่แล้ว”  เฉินจี้พูดอย่างลังเล


“รู้แล้วยังไง  ไม่รู้แล้วยังไง”  หมอเฒ่าเหยาลูบปีกอีกาแผ่วเบา  อีกาตัวนั้นมองเฉินจี้  อ้าปากยิ้มเงียบงัน  ราวกับหัวเราะเยาะความไม่รู้ของเขาต่อโลกนี้


อีกาของอาจารย์นี่  ช่างใจร้ายเหมือนอาจารย์


อีกามองอูหยุนที่กินอาหารเพลิน  แล้วมองหมอเฒ่าเหยา  พลางร้องกาๆ


หมอเฒ่าเหยาพูดกับมันอย่างอดทน  “ทำความรู้จักหน่อย  นี่เพื่อนใหม่”


วินาทีต่อมา  อีกามองเฉินจี้  แล้วมองหมอเฒ่าเหยา


หมอเฒ่าเหยาพูดอดทนต่อ  “คนนี้ยังไม่ใช่”


เฉินจี้  “...”


(จบตอน)


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน: -
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#พระเอกเทพ #นิยายแฟนตาซี #qingshan

Previous Next

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 0001 กลับสู่ศูนย์

ตอนที่ 0007 บุพการี

ตอนที่ 0010 ตำหนักหวั่นซิง