ตอนที่ 0031 เจ้าเขา, กลืนมังกร



ในลานเล็กๆ  อีกาตัวนั้นกระพือปีกพลางมองอูหยุนซ้ายทีขวาที


อูหยุนกินอิ่ม  ดื่มเต็มคราบแล้ว  คิดจะกระโจนใส่มัน  แต่ทุกครั้งก็ถูกหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย  เสียงร้องของอีกาเต็มไปด้วยความขบขัน


ไม่รู้เหตุใด  เฉินจี้พลันรู้สึกว่าอีกากับแมว  เด็กหนุ่มกับชายชรา  ในลานหลังนี้ดูกลมกลืนและสงบนิ่งเป็นพิเศษ


และคืนนี้  นับเป็นคืนที่สงบเงียบไม่กี่คืนนับตั้งแต่เขามาถึงโลกนี้


ไม่มีใครใส่ร้าย  ไม่มีใครฆ่าฟัน


ม่านลึกลับของโลกก็ค่อยๆ เปิดออกต่อหน้าเขา


“อาจารย์”  เฉินจี้ถามคำถามที่งุนงงที่สุด  “สิงกวนทุกคนต้องฆ่า...เหมือนพวกเราหรือไม่”


หมอเฒ่าเหยาสงสัย  “ฆ่าอะไร  ฆ่าคนป่วยหรือ”


“อือ?”  เฉินจี้ยิ่งงุนงง  “อาจารย์  ท่านฝึกตนอย่างไร”


หมอเฒ่าเหยาพูดเรียบเฉย  “รักษาคนป่วยให้หาย  ลมป่วยของเขา  ข้าก็ใช้ประโยชน์ได้”


เฉินจี้ตกตะลึง  วิถีฝึกตนเดียวกัน  วิธีฝึกตนก็ยังต่างกันได้หรือ


แต่พอคิดถึงตรงนี้  อีกาที่เกาะบนต้นแอปริคอตกลับใช้ปีกราวกับนิ้วมือ  ชี้มาทางเฉินจี้แล้วร้องกาๆ หัวเราะ  หัวเราะจนเกือบตกจากกิ่งไม้


เฉินจี้  “...อาจารย์  สนุกหรือที่ได้หลอกข้าน่ะ”


หมอเฒ่าเหยาหัวเราะเย็น  “สุดท้ายก็ยังไร้เดียงสาเกินไป  มีสมองแต่ไม่มาก  จำไว้ให้ดี  ยุทธภพและโลกนี้ยากลำบากยิ่งกว่าที่เจ้าคิด  นอกจากตัวเจ้าเองกับแมวน้อยตัวนั้น  อย่าไว้ใจใครทั้งสิ้น”


“ท่านก็ไว้ใจไม่ได้หรือ”


“ใช่  ข้าก็ไว้ใจไม่ได้”  หมอเฒ่าเหยาเขย่าเศษขนมที่อูหยุนกินเหลือเข้าปาก  ไม่ปล่อยให้เสียเปล่าแม้แต่น้อย  “วิถีฝึกตนของเรา  คือสิ่งที่ต้องปกปิดให้มิดชิดที่สุดในใต้หล้า  หากมีคนรู้  กรมสืบลับอยากฆ่าเจ้า  กรมอาญาอยากฆ่าเจ้า  จิ้งอ๋องอยากฆ่าเจ้า  ฝ่าบาทอยากฆ่าเจ้า  ขุนนางทั่วหล้าล้วนอยากฆ่าเจ้า  วิถีนี้  ไร้สมองฝึกไม่ได้หรอก”


“อาจารย์  ยังมีสิงกวนคนอื่นฝึกตนวิถีเดียวกับเราอีกหรือไม่”  เฉินจี้ถามด้วยความอยากรู้


หมอเฒ่าเหยาหวนนึก  “ฆ่าไปหลายคนแล้ว  แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าฆ่าหมดหรือยัง”


เฉินจี้  “...”


เขาเคี้ยวขนมจนหมด  รู้สึกติดคออยู่บ้าง  จึงไปที่ครัวรินน้ำดื่ม  แล้วจึงถามต่อ  “อาจารย์  วิถีฝึกตนของเราเรียกว่าอะไร”


หมอเฒ่าเหยาลูบเคราของตน  “ข้าตอบมากพอแล้ว  ไม่อยากตอบอีก...”


คำพูดยังไม่ทันจบ  อูหยุนก็มุดเข้ามาในอ้อมอกของเขา  ถูไถไปมา


หมอเฒ่าเหยาคิดอยู่ครู่แล้วตอบ  “มีคนเรียกว่า  ‘เจ้าเขา’”


เฉินจี้ครุ่นคิด  “เจ้าเขา?”


“แล้วก็มีคนเรียกว่า  ‘กลืนมังกร’”


เฉินจี้ใจหนักขึ้นทันที  เจ้าเขามีความหมายแอบแฝง  แต่กลืนมังกรดูจะตรงประเด็นยิ่งกว่า!


เขาถามด้วยความอยากรู้  “อาจารย์  หากท่านฆ่าข้า  จะเพิ่มพูนการบำเพ็ญได้หรือไม่”


“ไม่ได้”  หมอเฒ่าเหยาเหลือบมองเขา  “กลับเป็นเจ้าฆ่าข้า  จะทำให้ตัวเองฝึกตนเร็วขึ้นได้บ้าง  ไม่ลองดูหรือ”


เฉินจี้  “...ท่านไม่ต้องใจกว้างขนาดนั้นก็ได้”


หมอเฒ่าเหยาอธิบายต่อ  “หากใต้หล้านี้มีเพียงเจ้าคนเดียวบำเพ็ญ  ‘เจ้าเขา’  ความเร็วในการฝึกตนของเจ้าจะเป็นสิบส่วน  หากมีสองคนบำเพ็ญ  ความเร็วในการฝึกตนของเจ้าจะเป็นห้าส่วน  เป็นไงล่ะ  ได้ยินแบบนี้แล้ว ชักจะเริ่มหวั่นไหวขึ้นมาบ้างหรือยัง?”


เฉินจี้ขมวดคิ้ว  พูดตรงไปตรงมา  “ข้าคิดว่า  คนมากมายคงเริ่มหวั่นไหว”


“ดังนั้น  สิงกวนทุกคนในใต้หล้า  หากไม่จำเป็นจริงๆ  จะไม่รับศิษย์”


“แบบไหนถือว่าจำเป็นจริงๆ”


“ไม่ตนเองบาดเจ็บสาหัสใกล้ตาย  ก็ชราภาพใกล้มรณา  ไม่ก็รู้ตัวว่า  ไร้ความหวังจะค้นหาหนทางใหญ่แล้ว”  หมอเฒ่าเหยาถอนใจ  “ข้าเคยเห็นอาจารย์สอนศิษย์เสร็จ  ศิษย์ก็คิดฆ่าอาจารย์  ข้าเคยเห็นพ่อส่งต่อให้ลูก  ลูกก็คิดปองร้ายพ่อ”


เฉินจี้สัมผัสได้ถึงความเศร้าสร้อยในน้ำเสียงของชายชรา  “อาจารย์  นอกจากเซ่อเติงเค่อ  หลิวฉวีซิงแล้ว  ข้ายังมีพี่น้องร่วมสำนักอื่นอีกหรือไม่”


หมอเฒ่าเหยาหัวเราะเยาะ  “มี  ตายแล้ว  ข้าฆ่าเอง”


เฉินจี้ลังเลครู่หนึ่ง  “ท่านมีลูกหรือไม่”


หมอเฒ่าเหยาเงียบไปนาน  “เมื่อครู่ตอบไปแล้ว  รอเจ้ามีชีวิตยืนยาวจะเข้าใจเองว่า  อย่าผูกพันกับใครง่ายๆ  สิ่งเหล่านั้นล้วนต้องจากลา  ต้องผิดหวังในที่สุด”


ครานี้  เฉินจี้เข้าใจในที่สุดว่า  เหตุใดหมอเฒ่าเหยาจึงเย็นชาไร้น้ำใจ  เบื้องหลังความจืดจางนั้น  ย่อมไม่ใช่เรื่องราวที่จะเล่าจบในสองสามประโยค


หมอเฒ่าเหยาน่าจะสอนลูกชายด้วยใจจริง  หากไม่แล้ว  แค่รอจนใกล้ตายค่อยส่งมอบวิถีบำเพ็ญก็ยังได้  แต่ลูกชายของหมอเฒ่าเหยาดูเหมือนจะคิดร้าย


มิน่าเล่า  สิงกวนในโลกนี้จึงมีน้อยนิด  เพราะผู้ที่ครอบครองวิถีฝึกตนล้วนไม่ยอมถ่ายทอดง่ายๆ  ยังต้องเข่นฆ่ากันเอง  ไม่ใช่ลูกชายทั่วหล้าจะคิดปองร้ายพ่อ  แต่ลูกที่คิดปองร้ายพ่อก็มิใช่น้อย


เฉินจี้สงสัย  “เหตุใดท่านจึงเลือกรับศิษย์  แถมรับทีเดียวสามคน”


หมอเฒ่าเหยามองเขาแวบหนึ่ง  แล้วมองอีกาที่ยังคงแกล้งอูหยุน  “ข้าไม่มีความผูกพันฉันอาจารย์ศิษย์กับเจ้า  เพียงไม่อยากให้วิถีฝึกตนขาดสูญในมือข้า  จึงไม่ต้องหวังอะไรจากข้ามากนัก  เจ้าจ่ายค่าเรียน  ข้าสอนวิชา  แค่นั้นเอง”


เฉินจี้รู้สึกว่า  เหตุผลที่หมอเฒ่าเหยาบอกนั้นไม่เพียงพอ  แต่ไม่ได้ถือสาต่อ  เพียงพูดด้วยใจจริง  “แม้ข้าพูดแล้วท่านอาจไม่เชื่อ  แต่ข้าจะไม่ทำร้ายท่านแน่...”


“อย่าพูดเร็วนัก”  หมอเฒ่าเหยาหัวเราะเยาะ  “ที่ควรบอกเจ้า  ข้าบอกหมดแล้ว  บอกเรื่องเหล่านี้เพราะกลัวเจ้าตายไปโดยไม่รู้ประสา  ที่เหลือที่บอกไม่ได้  ภายหน้าหากอารมณ์ดีอาจบอกบ้าง”


เฉินจี้  “...ท่านจะอารมณ์ดีเมื่อไร”


“เจ้าคืนโสมข้ามา  อารมณ์ข้าคงจะดีขึ้นบ้าง”


เฉินจี้รีบพูด  “พรุ่งนี้ข้าตื่นแล้วจะไปหาพ่อค้ายาทันที...”


หมอเฒ่าเหยาค่อมหลัง  หยุดยืนที่หน้าประตูเรือนใหญ่  อีกากระพือปีกมาเกาะบ่าเขา  “ไม่ต้องคิดมาก  ในเมื่อช่วยกรมสืบลับทำงานแล้ว  ก็เท่ากับเท้าข้างหนึ่งย่างเข้ายุทธภพ  ต่อจากนี้เป็นตายแล้วแต่ชะตา  อย่าเสียใจก็พอ”


เฉินจี้ถาม  “อาจารย์  ยุทธภพคืออะไร”


หมอเฒ่าเหยาพูดเรียบเฉย  “ยุทธภพน่ะหรือ  เป็นที่ที่วันแล้ววันเล่า  ไร้สิ่งใหม่”


“เหตุใดจึงว่าเช่นนั้น”


“เพราะธรรมชาติมนุษย์ก็เป็นเช่นนั้น  วันแล้ววันเล่า  ไร้สิ่งใหม่”


เฉินจี้ถามขึ้นทันใด  “อาจารย์  เสนาบดีฝ่ายในที่คุมกรมสืบลับเป็นคนเช่นไร”


“คนเลวร้ายที่สุดใต้หล้า  ไม่เช่นนั้นทุกคนจะเรียกลับหลังว่าเสนาบดีพิษได้อย่างไร”  หมอเฒ่าเหยาผลักประตูเข้าเรือน  “วันข้างหน้า  เจ้าจะคิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ยังไม่รู้จักเขาเช่นนี้”


เฉินจี้มองชายชรากับอีกาบนบ่า  พลันเหมือนเห็นคืนนั้น  ตนกับอูหยุนบนถนนใหญ่เมืองหลัว


ระหว่างนี้ เขาได้ยินหมอเฒ่าเหยาในเรือนฮัมเพลงท่วงทำนองแปลกประหลาด  “คนดีเช้าเย็นทุกข์ตรม  คนชั่วคืนวันเพลิดเพลิน  เอาเปรียบผู้อื่นได้ขี่ม้า  ซื่อตรงยุติธรรมอดอยาก  ซ่อมสะพานซ่อมทางตาบอด  ฆ่าคนวางเพลิงลูกหลานเต็มบ้าน  ข้าไปถามพระพุทธเจ้าที่ชั้นฟ้า  พระองค์ว่าข้าก็ไม่มีทาง...”


เฉินจี้กลับเข้าเรือน  นอนหงายบนเตียงรวม  เอาแขนหนุนหัว  ในหัวยังก้องเสียงเพลงที่อาจารย์เพิ่งฮัม  อูหยุนนอนทับอกเขา


“อูหยุน  เจ้าอย่านอนทับอกสิ  ข้านอนไม่หลับ”


อูหยุนเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง  “หากไม่ใช่ข้า  อาจารย์จะพูดกับท่านมากขนาดนี้หรือ  ทำคุณใหญ่ขนาดนี้  นอนบนหัวท่านยังสมเหตุสมผลเลย”


เฉินจี้เงียบไปครู่  “มีเหตุผล!”


...


...


รุ่งเช้า  ไก่ยังไม่ขัน  อูหยุนหายไปแล้ว


เฉินจี้หาบน้ำเติมโอ่งจนเต็ม  กวาดพื้นลานให้สะอาด


เขาเห็นอีกาเกาะกิ่งแอปริคอตมองตน  จึงยิ้มทักทาย  อีกาเพียงเหลือบมองแวบเดียว  ยังคงยืนหลับบนกิ่งไม้ต่อไป


ครั้นเสร็จงานทุกอย่าง  เฉินจี้คล้องเงินตราวัดไว้กับข้อมือ  หยิบเงินตราทั้งหมดใส่ห่อออกจากบ้าน


พ่อค้ายาอยู่ที่ตลาดบูรพา  พ่อค้าจากทิศเหนือใต้มาพักแรม  นักเรียนเดินทางสอบมาหยุดพัก  ขุนนางเดินทางรับตำแหน่งมาสังสรรค์  นับเป็นศูนย์กลางใต้หล้า


ทว่าพวกเขาล้วนเป็นเพียงผู้ผ่านทางเมืองหลัว  เมื่อเสียงอึกทึกผ่านพ้นก็จากไป


จากโรงยาไท่ผิง  เฉินจี้เดินราวหนึ่งชั่วยาม  จึงได้ยินเสียงเซ็งแซ่ของตลาดบูรพา  สำนักคณิกาปิดทำการแล้ว  ชาวประมงเพิ่งกลับจากแม่น้ำ  เห็นพวกเขาหามตะกร้าปลาขึ้นฝั่ง  กุลีลากเชือกเดินไปริมคลองส่งสินค้า


เฉินจี้เงยหน้า  สายตากวาดมองป้ายร้านทีละแผ่น  สุดท้ายหยุดที่  ‘หอไป๋ลู่’  นี่คือพ่อค้ายาใหญ่สุดในเมืองหลัว  ยาสมุนไพรหกส่วนในเมืองพึ่งพาการขนส่งและซื้อขายส่งจากตลาดยาเหนือใต้ของที่นี่


โรงยาไท่ผิงมาซื้อยาที่หอนี้เป็นประจำ  พี่น้องสามคนเคยมาด้วยกัน


เฉินจี้ก้าวข้ามธรณีประตู  เถ้าแก่ท้วมๆ ยิ้มแย้มเดินมาต้อนรับ  “โอ้  หมอน้อยเฉินมาได้อย่างไรวันนี้  ลูกน้องข้าเพิ่งไปส่งของที่โรงยาไท่ผิงเมื่อวานเองนี่?”


เฉินจี้ยิ้มตอบ  “อาจารย์ใช้ข้ามาหาโสมเก่าสักสองสามราก  จวนอ๋องต้องใช้  ไม่ทราบหอไป๋ลู่มีของพร้อมหรือไม่”


เถ้าแก่ทำหน้าลำบากใจ  “ขอให้หมอน้อยเฉินทราบ  โสมเก่านั้นราคาสูงยิ่ง  ตอนสั่งซื้อก็ซื้อตามจำนวนที่จองไว้  อาจารย์ท่านสั่งไว้เดือนละหนึ่งราก  พวกเราไม่มีเหลือจะให้โรงยาไท่ผิงอีกแล้ว”


เฉินจี้หันตัวจะเดินไป  “งั้นข้าไปถามที่อื่น”


แต่เถ้าแก่รีบดึงเขาไว้  ยิ้มแย้มเต็มหน้า  “หมอน้อยเฉินใจร้อน  ฟังข้าพูดให้จบก่อนสิ  บังเอิญเหลือเกิน  เมื่อวานโรงยาฟางผิงสั่งโสมไว้สองสามรากยังไม่ได้ส่งไป  พวกเรากับหมอหลวงเหยาเป็นมิตรเก่า  หากจวนอ๋องต้องใช้  เอาให้พวกท่านก่อนได้”


เฉินจี้ไม่แสดงท่าที  “งั้นเอาออกมาดูสิ”


“เชิญทางนี้  ยาแพงๆ เก็บไว้หลังร้าน”


เถ้าแก่นำเฉินจี้เดินไปลานหลังหอไป๋ลู่  ผลักประตูไม้โกดัง  “เชิญ”


เฉินจี้เดินเข้าไป  กวาดตามองกล่องยารอบตัวสิบกว่ากล่อง  แต่ได้ยินเสียงปิดประตูด้านหลัง


น่าแปลก  ดูโสมเฉยๆ ต้องปิดประตูทำไม!?


ท่าไม่ดีแล้ว!


เฉินจี้ย่อตัวกลิ้งไปข้างหน้า  พอลุกขึ้นก็เห็นเถ้าแก่ควงมีดสั้นแทงตรงมา  สีหน้าดุร้ายผิดปกติ


ทว่าเฉินจี้ตั้งรับทันการ  เตะเข้าท้องอ้วนของเถ้าแก่เต็มแรง


เถ้าแก่ไม่คิดว่าเฉินจี้จะไวกว่า  ไม่เพียงหลบการลอบทำร้าย  ยังโต้กลับได้ในพริบตา  โดนเตะแล้วเขาล้มหงายหลัง  ตะโกนเสียงแหบ  “ช่วยข้าด้วย!”


เฉินจี้จะกระโจนตามไป  หวังฆ่าเถ้าแก่ให้ตาย  แต่ไม่ทันระวัง  ลมหวีดหวิวดังขึ้นข้างหลังอีกครั้ง  มีคนพุ่งออกจากหลังกล่องยา  ใช้มีดสั้นจี้คอเขาจากด้านหลัง


คราวนี้  ฝ่ายตรงข้ามเร็วจนเฉินจี้เคยเห็นแค่ในตัวหลินเฉาชิง  หยุนหยาง  เจียวถู่เท่านั้น  ไม่ทันได้เตรียมใจเผชิญ


เขารู้สึกถึงความเย็นเยียบของมีดสั้น  ขนคอลุกตั้งชันทันที  แต่ยังคงถามอย่างสงบ  “คิดจะทำอะไร?”


คนข้างหลังพูดเรียบเฉย  “เจ้าหักหลังนามสกุลตนเอง  หักหลังสถานะตนเอง  ทรยศขายโจวเฉิงอี้  ไม่สมควรตายหรือไร”


เฉินจี้พูดไม่ออก……กลัวอะไรก็มักได้เจอสิ่งนั้น!


(จบตอน)  

______________

ปัจจุบันแปลถึงตอน: -

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#พระเอกเทพ #นิยายแฟนตาซี #qingshan


Previous Next

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอนที่ 0001 กลับสู่ศูนย์

ตอนที่ 0007 บุพการี

ตอนที่ 0010 ตำหนักหวั่นซิง